ทำไมหุ้น PayPal จึงลดลงในปี 2025? อธิบาย 7 เหตุผลสำคัญ

2025-06-20
สรุป

ค้นพบ 7 สาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้น PayPal ร่วงในปี 2025 ตั้งแต่การเติบโตที่ชะลอตัวไปจนถึงการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ ยังน่าพิจารณาในฐานะการลงทุนที่เหมาะสมอยู่หรือไม่?

หุ้น PayPal (NASDAQ: PYPL) ได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในปี 2025 โดยร่วงลงมากกว่า 25% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากในหมู่นักลงทุนและนักวิเคราะห์


แม้บริษัทจะยังคงมีกำไรและเดินหน้ากลยุทธ์สำคัญต่าง ๆ แต่ราคาหุ้นกลับยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมหุ้น PayPal จึงดิ่งลงในปีนี้ และมีโอกาสฟื้นตัวหรือไม่?


บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงเบื้องหลังการปรับตัวลงของหุ้น Paypal ตรวจสอบข้อมูลการเงินล่าสุด และสำรวจแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2025 ไปจนถึงปี 2026


ผลการดำเนินงานของหุ้น PayPal ในปี 2025 จนถึงปัจจุบัน

หุ้น PayPal 2025

ราคาหุ้นของ PayPal ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีแรกของปี 2025 โดยร่วงจากประมาณ 81.20 ดอลลาร์ เมื่อต้นเดือนมกราคม เหลือ 68.57 ดอลลาร์ กลางเดือนมิถุนายน คิดเป็นการลดลงประมาณ 15.6%


แม้จะไม่ใช่การร่วงลงที่รุนแรงมากในแง่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่ามีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของตลาดเทคโนโลยีที่ยังคงแข็งแกร่ง และประวัติการทำกำไรที่มั่นคงของบริษัท ต่อไปนี้คือภาพรวมรายเดือน:

เดือน ราคาปิดโดยเฉลี่ย (USD) การเปลี่ยนแปลงรายเดือน
ม.ค 81.20 -
ก.พ. 78.45 –3.4%
มี.ค. 72.30  –7.8%
เม.ย. 70.10  –3.0%
พ.ค. 69.80  –0.4%
มิ.ย. 68.57  –1.8%

มกราคม 2025 – การเริ่มต้นอย่างการระมัดระวัง

  • ราคาเปิด: ~81.20 ดอลลาร์

  • ราคาปิด: ~78.45 ดอลลาร์

  • การเปลี่ยนแปลง: –3.4%


แม้จะเปิดปีด้วยความคาดหวังว่า PayPal จะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายหลังเทศกาล แต่ผู้บริหารกลับส่งสัญญาณว่าความต้องการของผู้บริโภคไม่เติบโต และรายได้ไตรมาส 4 คงที่ แม้กำไรสุทธิจะยังแข็งแรง


อีกทั้งการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้ค้าในเดือนมกราคมยังถูกวิจารณ์อย่างหนัก สะท้อนถึงความท้าทายด้านการสร้างรายได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง


กุมภาพันธ์ 2025 – การย่อตัวของตลาดตามคำแนะนำ

  • ราคาเปิด: ~ 78.45 ดอลลาร์

  • ราคาปิด: ~ 72.30 ดอลลาร์

  • เปลี่ยนแปลง: –7.8%


ในเดือนกุมภาพันธ์ PayPal รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 แม้ว่าบริษัทจะมีรายได้ต่อหุ้น (EPS) สูงกว่าที่คาดไว้ แต่รายได้กลับไม่ถึงเป้า และแนวโน้มการเติบโตในอนาคตยังคงระมัดระวัง นักลงทุนจึงผิดหวังและเทขายหลังการประชุมผลประกอบการ


นักวิเคราะห์หลายสำนักปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นลง หลังไม่เห็นแรงผลักดันจากรายได้


มีนาคม 2025 – ความกังวลด้านกฎระเบียบทวีความรุนแรงมากขึ้น

  • ราคาเปิด: ~ 72.30 ดอลลาร์

  • ราคาปิด: ~ 70.10 ดอลลาร์

  • เปลี่ยนแปลง: –3.0%


ในเดือนมีนาคม ข่าวลือเกี่ยวกับมาตรการเก็บภาษีจากผู้ให้บริการดิจิทัลของสหรัฐในสหภาพยุโรป เช่น PayPal, Amazon และ Stripe เพิ่มความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ ถึงแม้มาตรการยังไม่เริ่มใช้จริง แต่ก็สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น


เมษายน 2025 – การซื้อขายคงที่แม้จะมี EPS ที่แข็งแกร่ง

  • ราคาเปิด: ~ 70.10 ดอลลาร์

  • ราคาปิด: ~ 69.80 ดอลลาร์

  • เปลี่ยนแปลง: –0.4%


รายงานไตรมาสแรกเผยว่า PayPal มีกำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตจากการควบคุมต้นทุนและการซื้อหุ้นคืน แต่รายได้เพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน


บริษัทยังคงเป้าหมายรายปีเดิม โดยไม่มีการปรับเพิ่ม นักลงทุนจึงมองว่าการเติบโตในระยะสั้นยังชะงัก


พฤษภาคม 2025 – ข่าวกลยุทธ์ใหม่ยังไม่จุดประกาย

  • ราคาเปิด: ~ 69.80 ดอลลาร์

  • ราคาปิด: ~ 68.57 ดอลลาร์

  • เปลี่ยนแปลง: –1.8%


ในเดือนพฤษภาคม PayPal เปิดตัวแพลตฟอร์ม Unified Commerce และการเชื่อมโยงระหว่าง PayPal, Venmo และการชำระเงินแบบมีแบรนด์


แม้จะสะท้อนถึงการเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ระยะยาว แต่ยังไม่มีตัวเลขที่แสดงการเติบโตของผู้ใช้หรือร้านค้าที่ชัดเจน ตลาดจึงตอบรับอย่างเย็นชา


มิถุนายน 2025 – เคลื่อนไหวในกรอบจำกัด

  • ราคาปัจจุบัน: 68.57 ดอลลาร์

  • แนวโน้ม : Sideways ไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ


ณ กลางเดือนมิถุนายน ราคาหุ้นยังเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (ประมาณ 75 ดอลลาร์) และมีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลงอีก หากผลประกอบการไตรมาสถัดไปหรือปัจจัยมหภาคไม่เอื้ออำนวย ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับปัจจัยหนุนการเติบโตระยะสั้น ทำให้นักลงทุนยังคงระมัดระวัง และมุมมองต่อหุ้นยังคงโน้มเอียงไปในทางลบ


ทำไมหุ้น PayPal ถึงลดลง? วิเคราะห์ 7 เหตุผลสำคัญ

ทำไมหุ้น PayPal จึงลดลง

1. รายได้ทรงตัว แม้กำไรยังแข็งแกร่ง

แม้ว่า PayPal จะยังสร้างกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่แข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดอิสระที่น่าประทับใจ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่การเติบโตของรายได้รวมกลับหยุดนิ่ง รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2025 เพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดหวัง และทำให้นักลงทุนผิดหวังที่คาดหวังการเติบโตจากแพลตฟอร์มฟินเทคชั้นนำ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความชะลอตัวของยอดธุรกรรมรวม (TPV) นั้นน่ากังวลมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจหลักอย่างระบบชำระเงิน (checkout) ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ตลาดมักจะให้ความสำคัญกับการเติบโตมากกว่ากำไร และการขยายตัวของรายได้ที่ชะลอตัวนี้ทำให้หุ้น PayPal ถูกมองว่าเป็นกับดักมูลค่า (value trap) มากกว่าจะเป็นโอกาสเติบโตในอนาคต


2. แนวโน้มผลประกอบการไม่สดใส และความระมัดระวังของ CEO

ผู้บริหารของ PayPal แสดงท่าทีระมัดระวังในทุกการประชุมรายงานผลประกอบการ แม้ EPS จะออกมาดี แต่บริษัทยังยืนยันเป้าหมายรายปีเดิม โดยให้เหตุผลเรื่องความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและแรงกดดันจากการแข่งขัน การที่ไม่มีแนวโน้มเชิงบวกเหมือนบริษัทเทคโนโลยีอื่น ยิ่งทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ


ในช่วงที่ดอกเบี้ยยังสูงและตลาดระมัดระวัง ความมั่นใจและความชัดเจนจากผู้บริหารจึงมีความสำคัญอย่างมาก ท่าทีที่ระมัดระวังของ PayPal ทำให้นักวิเคราะห์ไม่แน่ใจว่าบริษัทคาดหวังการเติบโตจะกลับมาเร่งขึ้น หรือจะหยุดชะงักต่อไปอีก


3. แรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

ตลาดฟินเทคมีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดย PayPal ต้องเผชิญกับคู่แข่งทั้งจากบริษัทยักษ์ใหญ่และผู้เล่นหน้าใหม่ในวงการ:

  • Apple Pay ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในจุดขายและกระเป๋าเงินดิจิทัล

  • Zelle และ Cash App แย่งส่วนแบ่งจาก Venmo ในกลุ่มการโอนเงินแบบ P2P

  • แพลตฟอร์ม Buy Now, Pay Later (BNPL) จากบริษัทอื่นเริ่มแย่งผู้ใช้ไปจากบริการ Pay Later ของ PayPal โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ


เมื่อต้นปี 2025 PayPal ได้ขึ้นค่าธรรมเนียมเพื่อรักษากำไร แต่กลับสร้างความไม่พอใจแก่ทั้งผู้ค้าและผู้ใช้ ทำให้หันไปหาแพลตฟอร์มอื่นแทน


4. ผู้ค้าไม่พอใจการขึ้นค่าธรรมเนียม

PayPal ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของผู้ค้าตั้งแต่เดือนมกราคม เช่น ค่าธรรมเนียม Pay Later เพิ่มจาก 3.49% เป็น 4.99% และมีการปรับขึ้นในบริการอื่น ๆ ด้วย ราคาหุ้นร่วงทันที 5% ภายในสัปดาห์หลังประกาศโดยผู้ค้าหลายรายออกมาวิจารณ์อย่างรุนแรง


แม้ว่าการปรับค่าธรรมเนียมจะช่วยเพิ่มรายได้ในระยะสั้นได้ แต่ก็เสี่ยงที่จะทำลายความจงรักภักดีในระยะยาวของแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ไวต่อราคาซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบเครือข่ายของ PayPal


5. ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและความเสี่ยงทางการเมือง

PayPal กำลังเผชิญกับความซับซ้อนและแรงเสียดทานทั้งด้านกฎหมายและการเมือง เช่น ภาษีบริการดิจิทัลในยุโรป การตรวจสอบค่าธรรมเนียมฟินเทคที่เข้มข้นขึ้น และร่างกฎหมาย Stablecoin ในสหรัฐฯ ซึ่งกระทบกับโครงการ PYUSD ของบริษัท


ในเดือนมีนาคม 2025 PayPal ตกเป็นข่าวจากข้อเสนอเรียกเก็บภาษีดิจิทัลของสหภาพยุโรป แม้มาตรการจะยังไม่บังคับใช้จริง แต่ก็สร้างแรงกดดันและตอกย้ำความเปราะบางของบริษัทในเวทีภูมิรัฐศาสตร์


6. ความเสี่ยงในการดำเนินกลยุทธ์เปลี่ยนผ่าน

PayPal กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จากผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล ไปสู่แพลตฟอร์มการค้าแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึง:

  • การรวมระบบชำระเงินระหว่าง PayPal, Venmo และบริการสำหรับร้านค้า

  • การลงทุนในระบบ AI ป้องกันการฉ้อโกงและฟีเจอร์การค้าเฉพาะบุคคล

  • การผลักดัน PYUSD (Stablecoin) สำหรับการโอนเงินและชำระเงินระหว่างประเทศ


แม้กลยุทธ์เหล่านี้จะมีเหตุผล แต่ก็มีความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน นักลงทุนจึงยังอยู่ในโหมด “รอดูสถานการณ์” และหากเกิดความล่าช้าหรือดำเนินการผิดพลาด โดยเฉพาะในด้านการสร้างรายได้จาก Venmo หรือการใช้งาน PYUSD ก็อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นของตลาดลดลงอีกด้วย


7. บรรยากาศในกลุ่มฟินเทคและเทคโนโลยียังอ่อนแรง

ในภาพรวมหุ้นกลุ่มฟินเทคทั่วทั้งตลาดกำลังถูกกดดันจากหลายปัจจัย เช่น ดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง (Fed คงอัตราไว้เกิน 4%) และการใช้จ่ายของผู้บริโภคเริ่มชะลอตัว ปริมาณการชำระเงินดิจิทัลจึงได้รับผลกระทบ


นักลงทุนจึงเริ่มหมุนเงินไปลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงและจ่ายเงินปันผล เช่น กลุ่มพลังงานและสุขภาพ แม้พื้นฐานของ PayPal จะยังดูมั่นคง แต่ในช่วงที่ตลาดไม่สนใจหุ้นเติบโต หุ้น PayPal จึงถูกเทขายต่อเนื่อง จนกว่าสภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวหรือมุมมองต่อฟินเทคกลับมาในทางบวกอีกครั้ง


หุ้น PayPal จะยังคงร่วงลงต่อในปี 2026 หรือไม่?

คาดการณ์หุ้น PayPal ปี 2026

นักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาหุ้น PayPal ภายในสิ้นปี 2025 อาจอยู่ในช่วง 70-82 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการไตรมาส 3 และทิศทางเศรษฐกิจมหภาค หาก PayPal สามารถสร้างการเติบโตในบริการ Branded Checkout หรือเพิ่มรายได้จาก Venmo ได้อย่างมีนัยสำคัญ ราคาหุ้นอาจกลับไปทดสอบระดับ 75–78 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีพัฒนาการที่ชัดเจน ราคาหุ้นก็อาจยังติดอยู่ในช่วงปัจจุบันที่ประมาณ 68–70 ดอลลาร์

  • Base Case: 72–75 ดอลลาร์

  • Bear Case: 60–65 ดอลลาร์

  • Bull Case: 80  ดอลลาร์ขึ้นไป


แนวโน้มปี 2026

ปี 2026 อาจสามารถฟื้นตัวได้หาก:

  • อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืน

  • การเติบโตของการชำระเงินดิจิทัลฟื้นตัวทั่วโลก

  • นวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ เช่น Stablecoin ของ PayPal และ Embedded Finance ได้รับการตอบรับที่ดี


หากรายได้และกำไรสามารถเติบโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นอาจขยับขึ้นกลับไปแตะระดับ 85–95 ดอลลาร์ ซึ่งแม้จะยังต่ำกว่าช่วงพีคในยุคโควิด แต่ก็ถือเป็นการฟื้นตัวที่มีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน


สรุป


การที่หุ้น PayPal ปรับตัวลดลงในปี 2025 ไม่ได้เกิดจากการขาดกำไรหรือปัญหาด้านกระแสเงินสด แต่เป็นผลสะท้อนจากรายได้ที่เติบโตช้าลงอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มผลประกอบการที่ระมัดระวัง แรงกดดันจากการแข่งขัน ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ และบรรยากาศในตลาดฟินเทคที่อ่อนแรง


แม้บริษัทจะยังมีงบดุลที่แข็งแกร่ง และมีแผนพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่หากต้องการฟื้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุน PayPal จำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการเร่งการเติบโตอีกครั้งในอนาคตอันใกล้


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

สกุลเงินของอินเดียคืออะไร: ปัจจุบันนี้แข็งค่าเพียงใด?

สกุลเงินของอินเดียคืออะไร: ปัจจุบันนี้แข็งค่าเพียงใด?

สกุลเงินของอินเดียคืออะไร ค้นพบความแข็งแกร่งในปัจจุบันและเปรียบเทียบกับสกุลเงินหลัก เช่น USD และ EUR

2025-06-20
เชี่ยวชาญคำสั่ง Stop Limit เพื่อการซื้อขายที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

เชี่ยวชาญคำสั่ง Stop Limit เพื่อการซื้อขายที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจว่าคำสั่งหยุดการขาดทุนช่วยให้ผู้ซื้อขายควบคุมราคาได้มากขึ้น ลดการลื่นไถล และปรับปรุงความแม่นยำในสภาวะตลาดที่ผันผวนได้อย่างไร

2025-06-20
MDY ETF: เข้าถึง S&P MidCap 400 ในการลงทุนครั้งเดียว

MDY ETF: เข้าถึง S&P MidCap 400 ในการลงทุนครั้งเดียว

สำรวจ MDY ETF เพื่อเปิดรับความเสี่ยงจากหุ้นขนาดกลาง 400 ตัวของสหรัฐฯ โดยสร้างสมดุลให้กับศักยภาพการเติบโตกับการกระจายความเสี่ยงในภาคส่วน และสภาพคล่องทางตลาดที่แข็งแกร่ง

2025-06-20