简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้: ยุโรปและเอเชียเป็นผู้นำการไหลออกของเงินทุน

เผยแพร่เมื่อ: 2025-06-24    อัปเดตเมื่อ: 2025-06-30

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันนี้อยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ท่ามกลางการเผชิญกับผลงานครึ่งปีแรกที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี แม้จะมีแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเป็นระยะ ๆ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง แต่กระแสเงินทุนโลกที่เปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างกลับกดดันค่าเงินดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ


แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดจากความแตกต่างของนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการปรับพอร์ตลงทุนในระดับภูมิภาค สถาบัน และภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะนักลงทุนจากยุโรปและเอเชียที่เป็นผู้นำในการถอนเงินทุนอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการร่วงลงอย่างรุนแรงของดอลลาร์ในปี 2025


การถอนเงินทุนในวงกว้าง: ทำไมดอลลาร์จึงอ่อนค่า

มูลค่าปัจจุบันของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ

การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรเงินทุนใหม่ทั่วโลกที่ซับซ้อน นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนของ Bank of America ชี้ให้เห็นว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญและบริษัทประกันภัยของยุโรปกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 โดยสถาบันเหล่านี้ลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์ลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2022


ในขณะเดียวกัน นักลงทุนชาวเอเชียซึ่งถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นจำนวนมากมาโดยตลอด ก็เริ่มลดสัดส่วนลงอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน ข้อมูลการซื้อขายระหว่างวันชี้ให้เห็นว่าแรงขายดอลลาร์จำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงเวลาซื้อขายของเอเชีย ซึ่งเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ในตลาดพันธบัตรของภูมิภาค


ดังนั้น การอ่อนค่าของดอลลาร์จึงไม่ใช่แค่การเก็งกำไรระยะสั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับสมดุลเงินทุนโลกในเชิงกลยุทธ์


สถาบันยุโรปถอนตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ 


ปัจจัยสำคัญอีกประการที่เร่งให้ดอลลาร์อ่อนค่า คือการที่นักลงทุนยุโรปเทขายหุ้นสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องนักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์ว่านักลงทุนในยูโรโซนถือครองหุ้นสหรัฐฯ ถึงหนึ่งในสี่ของการถือครองโดยต่างชาติทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของยุโรปส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ


ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปและเอเชียให้ผลตอบแทนแซงหน้า Wall Street กองทุนยุโรปก็เริ่มกระจายการลงทุนกลับไปยังภูมิภาคของตนเอง การขายหุ้นที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์จึงกระตุ้นแรงขายดอลลาร์และเสริมแรงขาลง


ที่สำคัญกว่านั้น การเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่แค่การปรับกลยุทธ์ระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนการลดการป้องกันความเสี่ยง (hedging) และการกระจายสินทรัพย์ในระดับโครงสร้าง ซึ่งสื่อถึงมุมมองเชิงกลยุทธ์ต่อความเสี่ยงด้านมูลค่า อัตราดอกเบี้ยและความผันผวนของสกุลเงิน


เอเชียลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐอย่างเงียบ ๆ


ในขณะที่ยุโรปถอนตัวจากหุ้น เอเชียก็กำลังลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะไม่โดดเด่นเท่า แต่ก็ส่งผลไม่น้อยต่อดอลลาร์


นักลงทุนในเอเชียถือครองพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรหน่วยงานของสหรัฐฯ เกือบหนึ่งในสามของการถือครองโดยต่างชาติ โดยเฉพาะภาคเอกชนซึ่งเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแทนที่ธนาคารกลางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักลงทุนกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทน เมื่ออัตราผลตอบแทนผันผวน และความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น นักลงทุนเหล่านี้จึงเริ่มปรับพอร์ตอย่างเงียบ ๆ แต่มีผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม


การเปลี่ยนจากการถือครองโดยธนาคารกลางมาเป็นภาคเอกชนยังทำให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น เพราะแม้จะมีการปรับพอร์ตเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยขนาดของการถือครองที่ใหญ่ ก็อาจก่อให้เกิดแรงสะเทือนอย่างมีนัยสำคัญ


ผลกระทบของกระแสเงินทุนที่ทวีความรุนแรง


เมื่อพิจารณาจากขนาดของการถือครองสินทรัพย์ทั่วโลก แม้จะมีการปรับพอร์ตเพียงเล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุนในระดับมหาศาล รายงานจาก UBS ชี้ว่าการปรับลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์ของกลุ่มประเทศ G10 เพียง 5% อาจเทียบเท่ากับการไหลออกของเงินทุนถึง 670 พันล้านดอลลาร์


ยุโรปยังคงเป็นจุดศูนย์กลางของความเคลื่อนไหวนี้ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ถือครองตราสารหนี้ต่างประเทศมากที่สุดในโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนยุโรปได้สะสมสินทรัพย์หนี้ต่างประเทศมูลค่ากว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์


ดังนั้น การหมุนเวียนเงินทุนแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เปราะบางและสภาพคล่องต่ำในช่วงนอกเวลาเปิดตลาด


ผลกระทบในระยะยาวต่อแนวโน้มของดอลลาร์


การเทขายดอลลาร์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก่อให้เกิดคำถามที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินสหรัฐฯ แม้ว่าปัจจัยวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเงินเฟ้อ และถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวระยะสั้น แต่ปัจจุบัน กระแสเงินทุนเชิงโครงสร้างกลับกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญไม่แพ้กัน


ประเด็นหลักที่กำลังส่งผลต่อแนวโน้มของดอลลาร์ ได้แก่:

  • การประเมินความเสี่ยงใหม่ในระดับโลก: เมื่อภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนแปลงและต้นทุนเงินทุนสูงขึ้น นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มคัดเลือกการถือครองดอลลาร์มากขึ้น

  • การลดระดับโลกาภิวัตน์และการหันสู่ภูมิภาค: การให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้นทำให้ดอลลาร์ไม่ใช่ตัวเลือกเริ่มต้นอีกต่อไป

  • ความเสี่ยงจากการออกพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ: ความกังวลต่อระดับหนี้และนโยบายการคลังของสหรัฐฯ เริ่มบั่นทอนความสนใจในสินทรัพย์ระยะยาวที่เป็นดอลลาร์

  • การเพิ่มขึ้นของทางเลือกใหม่: แม้ดอลลาร์ยังคงมีบทบาทสำคัญ แต่ความสนใจในทองคำสินทรัพย์ที่เป็นเงินหยวน และแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล กำลังเพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆในหมู่นักลงทุนสถาบัน


แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะไม่ถึงขั้นคุกคามสถานะของดอลลาร์โดยตรง แต่ก็สะท้อนถึงยุคใหม่ที่ดอลลาร์ต้องเผชิญกับความผันผวนและแรงกดดันทางการเมืองมากขึ้น


สรุป


ดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ไม่ได้ตอบสนองเพียงแค่สัญญาณจากธนาคารกลางหรือข้อมูลเศรษฐกิจระยะสั้นอีกต่อไป หากแต่กำลังเผชิญกับการประเมินใหม่อย่างเป็นระบบจากนักลงทุนทั่วโลก ทั้งในยุโรปและเอเชีย ทั้งในหุ้นและพันธบัตร


ยุโรปถอนตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่เอเชียลดการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ระยะสั้น แต่เป็นการจัดพอร์ตลงทุนใหม่ที่ท้าทายความเชื่อเดิมเกี่ยวกับอำนาจของดอลลาร์


ในระยะข้างหน้า ทั้งนักเทรดและผู้กำหนดนโยบายจะต้องจับตามองไม่ใช่เพียงแค่แนวโน้มดอกเบี้ย แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับกระแสเงินทุนข้ามพรมแดน การจัดสรรของสถาบัน และแนวโน้มภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระเบียบการเงินโลก


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
Sliver สามารถทะลุ 60 ดอลลาร์ได้หรือไม่ หลังจากทะลุ 50 ดอลลาร์ไปแล้ว?
ทำไมดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
จับเทรนด์ AI ทั่วโลก ผ่าน SMH ETF
เส้นทางวิวัฒนาการของตลาดหลักทรัพย์
เคล็ดลับสร้าง Trading Routine ชนะตลาดปี 2025