เผยแพร่เมื่อ: 2025-07-04 อัปเดตเมื่อ: 2025-07-15
คู่สกุลเงิน USD/NZD ได้รับความสนใจอย่างมากจากเทรดเดอร์เมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอีกครั้งหลังจากช่วงที่ปรับตัวขึ้น หลังจากแตะระดับ 0.6030 ในช่วงต้นสัปดาห์ สกุลเงินนิวซีแลนด์ก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 0.6080 ระหว่างเวลาซื้อขายในยุโรปเมื่อวันศุกร์ โมเมนตัมเชิงบวกนี้บ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของการย่อตัวลงสองวัน ซึ่งขับเคลื่อนโดยปัจจัยมหภาคและอารมณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แสดงสัญญาณอ่อนค่าในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในวันพฤหัสบดี แม้ว่าปฏิกิริยาของตลาดในช่วงแรกจะบ่งชี้ว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมลดลง แต่ความสนใจของนักลงทุนก็หันไปที่ความกังวลด้านการคลังในวงกว้างของสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว ความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของหนี้ระยะยาว ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการลดภาษีอย่างเข้มข้นและการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางที่เพิ่มขึ้น ทำให้ดอลลาร์อยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลดีต่อสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงและไวต่อความเสี่ยง เช่น NZD ส่งผลดีต่ออัตราแลกเปลี่ยน USD ต่อ NZD เมื่อดอลลาร์อยู่ในภาวะตั้งรับ นักลงทุนดูเหมือนจะเต็มใจที่จะหมุนเวียนเงินทุนไปยังสกุลเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของธนาคารกลางที่มั่นคงและอุปสงค์ภายนอกที่เอื้ออำนวยมากขึ้น
นอกจากปัจจัยเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์แล้ว ความอยากเสี่ยง (Risk Appetite) ที่กว้างขึ้นก็มีบทบาทสำคัญต่อการฟื้นตัวของดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ด้วยเช่นกัน บรรยากาศตลาดโลกยังคงมีทิศทางที่ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี ส่งผลให้ความนิยมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยแบบดั้งเดิมลดลง เมื่อความอยากเสี่ยงเพิ่มขึ้น สกุลเงินอย่างดอลลาร์นิวซีแลนด์ ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับการค้าโลกและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ จึงมักมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า
แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับมรดกทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
นักเทรดยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังแต่ในแง่บวก สถานะของ NZD ในฐานะตัวแทนการเติบโตของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของสกุลเงินนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนที่จะประกาศในเร็ว ๆ นี้ด้วย
แม้คู่เงิน USD/NZD จะแสดงสัญญาณการเคลื่อนไหวขึ้น แต่แนวโน้มยังถูกจำกัดด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลงตามฤดูกาล เนื่องจากช่วงวันหยุดในสหรัฐฯ นักลงทุนหลายรายจึงเลือกที่จะรอดูสถานการณ์และยังไม่เข้าตลาด รอความชัดเจนจากเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญที่กำหนดไว้ในสัปดาห์หน้า
เหตุการณ์ที่น่าสนใจ ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อของจีน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอุปสงค์ในภูมิภาค และการประชุมนโยบายของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ ในวันพุธ เหตุการณ์ทั้งสองนี้อาจกำหนดทิศทางที่ชัดเจนสำหรับ NZD โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากแรงกดดันเงินเฟ้อในจีนมีสัญญาณฟื้นตัว หรือหาก RBNZ แสดงท่าทีที่เข้มงวดกว่าคาดการณ์ไว้
จากมุมมองทางเทคนิค การฟื้นตัวของคู่เงิน USD/NZD จากจุดต่ำสุดรายสัปดาห์ที่ 0.6030 และการเคลื่อนไหวขึ้นสู่บริเวณ 0.6080 บ่งชี้ถึงโอกาสในการกลับมาเริ่มต้นโมเมนตัมขาขึ้นอีกครั้ง การปรับฐานลงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเป็นการพักฐานชั่วคราวมากกว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวลงลึก หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังอ่อนตัวต่อเนื่อง และความอยากเสี่ยงยังอยู่ในระดับดี โมเมนตัมขาขึ้นของคู่ USD/NZD ยังคงเป็นไปได้ โดยมีระดับแนวต้านสำคัญที่ 0.6100 และ 0.6130
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังความเสี่ยงจากข่าวสารสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ตลาดยังคงตอบสนองต่อคำแถลงของธนาคารกลางและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก
โดยสรุป คู่เงิน USD/NZD ได้รับแรงหนุนกลับมาอีกครั้งจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และความอยากเสี่ยงในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าความกังวลด้านการคลังของสหรัฐฯ และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลงจะกดดันดอลลาร์ไว้ แต่ดอลลาร์นิวซีแลนด์ยังคงได้ประโยชน์จากความไวต่อการเติบโตในภูมิภาคและกระแสสินค้าโภคภัณฑ์
ในอนาคต ความสนใจจะมุ่งไปที่การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะจากจีนและนิวซีแลนด์ เหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็นตัวชี้ขาดว่าดอลลาร์นิวซีแลนด์จะสามารถขยายการปรับตัวขึ้นได้ต่อไป หรือว่าความระมัดระวังจะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง สำหรับตอนนี้ ความเสี่ยงโดยรวมดูเหมือนจะเอียงไปทางการแข็งค่าของ NZD แสดงให้เห็นว่าทิศทางที่มีโอกาสน้อยที่สุดที่จะต้านทาน คือการปรับตัวขึ้น — อย่างน้อยในระยะสั้นนี้
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
