ราคาทองคำจะขึ้นอีกไหมในปี 2025 เมื่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า? วิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ แนวโน้มย้อนหลัง และจุดที่นักลงทุนควรจับตา
ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2025 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว โดยลดลงประมาณ 0.2% ในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นเหนือ 3,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2025 เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง นักลงทุนจึงสงสัยว่าราคาทองคำจะขึ้นอีกไหม?
การทำความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างพลวัตของสกุลเงิน การดำเนินการของธนาคารกลาง และความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของทองคำ
ทองคำและดอลลาร์สหรัฐมีความสัมพันธ์แบบผกผันกันอย่างชัดเจน เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำมักจะสูงขึ้น สาเหตุมาจากการกำหนดราคาทองคำเป็นดอลลาร์ทั่วโลก และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ทองคำมีราคาถูกกว่าสำหรับนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มสูงขึ้น
ในอดีต เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย หรือดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ค่าเงินดอลลาร์มักจะอ่อนค่าลง ขณะเดียวกัน การคาดการณ์เงินเฟ้อก็เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหันไปลงทุนในทองคำมากขึ้น ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมักจะกดราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ตามที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ได้อ่อนค่าลงประมาณ 0.2% ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวล่าสุดของราคาทองคำ ขณะนี้ตลาดกำลังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัวลงและทองคำได้รับอานิสงส์โดยตรง
ข้อมูลสำคัญและปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวล่าสุด
กระแสเงินทุนปลอดภัย: ความตึงเครียดด้านการค้า เช่น การเสนอเก็บภาษีสินค้าจากสหภาพยุโรปและเม็กซิโก 30% ได้สร้างบรรยากาศ “หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” (risk-off) ดึงดูดเงินทุนไหลเข้าสู่ทองคำ จนราคาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสามสัปดาห์ที่ช่วง 3,354–3,360 ดอลลาร์
ธนาคารกลางซื้อทองคำ: ไตรมาส 1 ปี 2025 มีการซื้อทองคำเป็นประวัติการณ์ถึง 244 ตัน ซึ่งถือเป็นอัตรารายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มีมา โดย 43% ของธนาคารกลางมีแผนจะสะสมทองคำเพิ่มอีกในอนาคตช่วยหนุนราคาทองให้อยู่ในกรอบ3,200–3,500 ดอลลาร์
สัญญาณทางเทคนิค: ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้ว 27% ตั้งแต่ต้นปีบ่งบอกถึงโมเมนตัมขาขึ้น ดัชนี RSI อยู่ในระดับเป็นกลางถึงบวก (53.9) เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ยังคงอยู่ในทิศทางสนับสนุน และ MACD แสดงสัญญาณเอนเอียงขึ้น
แนวโน้มระยะสั้น
1) ระดับแนวต้านและแนวรับ
ราคาทองคำเพิ่งทะลุกรอบ 3,332–3,346 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้โมเมนตัมต่อเนื่องไปสู่เป้าหมาย 3,370–3,400 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านทางจิตวิทยาสำคัญอยู่ที่ 3,400–3,435 ดอลลาร์ ส่วนแนวรับอยู่ในช่วง 3,300–3,332 ดอลลาร์
2) นโยบายเฟดและการฟื้นตัวของดอลลาร์
ข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงานเดือนสิงหาคมและกันยายนจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อเฟด หากข้อมูลออกมาดีเกินคาดและทำให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย ดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ แม้ตลาดยังคงคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.50% ภายในสิ้นปี แต่หากดอลลาร์กลับมาแข็งตัว อาจจำกัดการปรับขึ้นของทองคำในระยะสั้น
ประเด็นสำคัญระยะกลาง
ความไม่แน่นอนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้า และอัตราเงินเฟ้อ ยังคงสนับสนุนราคาทองคำ แต่โมเมนตัมอาจจางหายไปหากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหรือความเสี่ยงลดลง
สภาทองคำโลกและนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจชะลอลงในระยะกลาง หากปัจจัยเสี่ยงทั่วโลกลดลง พร้อมกับอุปสงค์จากธนาคารกลางที่เริ่มลดลง
การคาดการณ์ระยะยาว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะไปถึง 3,600–3,839 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ และมีแนวโน้มไปถึง 4,000 ดอลลาร์ขึ้นไปในปี 2026
สถานการณ์พื้นฐานแบบอนุรักษ์นิยมมองว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ระหว่าง 3,100 ถึง 3,500 ดอลลาร์ ขณะที่กรณีขาขึ้นที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อ หรือการลดการใช้เงินดอลลาร์ อาจผลักดันให้ราคาทองคำสูงกว่า 4,000 ดอลลาร์ภายใน 6 ถึง 9 เดือน
การทำความเข้าใจว่าทองคำมีพฤติกรรมอย่างไรในช่วงที่ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักในอดีตจะช่วยให้เข้าใจบริบทมากขึ้น ลองย้อนดูเหตุการณ์สำคัญในอดีตบางช่วง:
วิกฤตการณ์ทางการเงิน ในปี 2008-2011
เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยและดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก ราคาทองคำพุ่งขึ้นจากประมาณ 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับกว่า 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในปี 2011
การระบาดของโควิด-19 ในปี 2020
เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 มาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่สูงกว่า 2,070 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 2020
การฟื้นตัวช่วงต้นปี 2023
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ราคาทองคำก็พุ่งขึ้นเหนือ 2,000 ดอลลาร์อีกครั้ง เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนมีประเด็นหลักที่เหมือนกัน นั่นคือ ความไม่แน่นอน เงินเฟ้อ และความเชื่อมั่นของดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อปี 2025
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาทองคำในขณะนี้ การซื้อทองคำที่ระดับ 3,330–3,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเป็นจังหวะเข้าซื้อที่สมดุลท่ามกลางความผันผวน นักลงทุนสายเทรดระยะสั้นอาจพิจารณาขายทำกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงเมื่อราคาทองเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ
ในขณะที่นักลงทุนระยะยาวยังได้รับประโยชน์จากบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง แต่ควรหลีกเลี่ยงการถือครองในสัดส่วนที่สูงเกินไปเมื่อราคาทองอยู่ในระดับสูง โดยทั่วไปแนะนำให้จัดสรรทองคำในสัดส่วน 5–10% ของพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้:
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งหรือข้อมูลการจ้างงาน อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หากสหรัฐฯ และจีน หรือสหภาพยุโรปสามารถแก้ไขข้อพิพาททางการค้า หรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายลง ทองคำอาจกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนอาจลดน้อยลง นอกจากนี้ ความเบื่อหน่ายในทองคำอาจดึงดูดนักลงทุนให้หันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น แพลทินัมและเงิน
แนวทางติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด :
ติดตามดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับทองคำ ติดตามการสื่อสารของธนาคารกลางสหรัฐฯ และรายงานอัตราเงินเฟ้อ ประเมินแนวโน้มการซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก และติดตามความเคลื่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงข่าวเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ปัจจัยเหล่านี้ร่วมกันช่วยคาดการณ์ว่าทองคำจะพุ่งสูงขึ้นหรือทรงตัว
โดยสรุป การที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง แสดงให้เห็นถึงบทบาทอันยาวนานของทองคำในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง ในระยะสั้น ราคาทองอาจทะลุแนวต้านและพุ่งสู่ระดับ 3,370–3,400 ดอลลาร์ แต่หากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หรือบรรยากาศการลงทุนเป็นบวก (risk-on) ก็อาจจำกัดการขึ้นของราคาได้
ในระยะกลางถึงระยะยาว แรงกระตุ้นเชิงโครงสร้าง เช่น แรงซื้อของธนาคารกลาง การป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ จะช่วยหนุนแนวโน้มราคาให้พุ่งขึ้นแตะระดับ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไปภายในสิ้นปีและปีต่อๆ ไป นักลงทุนควรวางแผนอย่างยืดหยุ่น รู้จังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว และมีวินัยในการจัดสรรทองคำอย่างเหมาะสมในพอร์ต
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ไขข้อสงสัย "ค่าสเปรด คิดยังไง"? เจาะลึกส่วนต่างราคา Bid/Ask ต้นทุนสำคัญในการเทรด พร้อมคำนวณค่าสเปรด
2025-07-15อยากเทรดทองคำแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เปิดหลักการพื้นฐานทำไมทองคำถึงเป็นที่น่าสนใจในหมู่เทรเดอร์ พร้อมคำศัพทฺ์ควรรู้ก่อนลงตลาดเทรดทอง
2025-07-15ค้นพบว่าการทับซ้อนของ ETF อาจส่งผลเสียต่อพอร์ตการลงทุนของคุณได้อย่างไร และคุณสามารถดำเนินการอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มการกระจายความเสี่ยงให้สูงสุด
2025-07-15