สำรวจอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นในปี 2025 ว่ามีอะไรบ้าง และเทรดเดอร์จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์ความผันผวน แนวโน้ม และโมเมนตัมของตลาดได้อย่างไร?
การเทรด Option สามารถดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการใช้เลเวอเรจ ป้องกันความเสี่ยง และทำกำไรระยะสั้น ในสถานการณ์การเงินปัจจุบัน การรู้จักอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นจะช่วยให้เทรดเดอร์ได้เปรียบในตลาดการลงทุน
บทความนี้จะสำรวจอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นที่ดีที่สุดในปี 2025 รวมถึงอินดิเคเตอร์อื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดการเงินในสมัยใหม่ พร้อมทั้งชี้แนะวิธีใช้ให้กับเทรดเดอร์ เพื่อให้ตัดสินเทรดได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ออปชัน คือเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน แตกต่างจากการเทรดหุ้นทั่วไป เพราะออปชันเกี่ยวข้องกับหลายมิติ เช่น ราคา ความผันผวน การเสื่อมค่าตามเวลา (time decay) และความผันผวนที่แฝงอยู่ จึงจำเป็นต้องใช้อินดิเคเตอร์ที่ให้ข้อมูลมากกว่าทิศทางราคา อินดิเคเตอร์ที่ดีจะช่วย:
ระบุจุดเข้าและจุดออก
ประเมินโมเมนตัมของหุ้นพื้นฐาน
วัดความผันผวนและความเสี่ยง
สอดคล้องกับไดนามิกเฉพาะของออปชัน เช่น delta, theta, และ vega
ในปี 2025 อินดิเคเตอร์เทรดออปชันที่มีประสิทธิภาพจะเน้นที่ความผันผวน ความไวต่อเวลา และการเปลี่ยนแปลงเทรนด์แบบเรียลไทม์
ในปี 2025 เทรดเดอร์ออปชันมืออาชีพหลายคน ให้ Implied Volatility Rank (IV Rank) เป็นอินดิเคเตอร์เทรดที่ดีที่สุดสำหรับการจับจังหวะการเทรดและมูลค่าพรีเมียมของออปชัน เพราะ IV Rank แสดงให้เห็นว่าออปชันนั้นแพงหรือถูกเมื่อเทียบกับความผันผวนในอดีต
IV Rank คืออะไร?
IV Rank เป็นการเปรียบเทียบความผันผวนที่แฝงอยู่ของออปชันในปัจจุบัน กับช่วงความผันผวนในช่วงเวลาหนึ่ง (โดยปกติจะดูย้อนหลัง 12 เดือน) เป็นเปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าค่า IV ปัจจุบันสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับค่าปกติในอดีต
IV Rank ที่ 80% หมายความว่า IV ปัจจุบันอยู่ใกล้จุดสูงสุดของช่วงความผันผวน — ออปชันมีราคาค่อนข้างแพง
IV Rank ที่ 20% หมายความว่า IV ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ — ออปชันมีราคาถูก
ทำไม IV Rank ถึงยังใช้ได้ผลดีในปี 2025
ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความผันผวนจากปัจจัยมหภาคที่ไม่แน่นอน ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนที่เกิดจากอัลกอริธึม IV Rank ช่วยให้นักเทรดสามารถ:
ขายออปชันเมื่อ IV สูง (เก็บพรีเมียมได้สูงขึ้น)
ซื้อออปชันเมื่อ IV ต่ำ (จ่ายพรีเมียมน้อยลง
สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่มีการซื้อขายกำไร กลยุทธ์ตามเหตุการณ์ และออปชั่นรายสัปดาห์ครอบงำ
แม้ว่า IV Rank จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการเทรดออปชันในปัจจุบัน แต่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมักไม่พึ่งพาแค่เครื่องมือเดียว การผสมผสานกับตัวชี้วัดราคาและโมเมนตัมจะช่วยสร้างภาพรวมที่ครบถ้วนมากขึ้น
1) Relative Strength Index (RSI): ตรวจจับ overbought และ oversold
RSI ยังคงเป็นอินดิเคเตอร์เทรดยอดนิยมของนักเทรดออปชันสำหรับจับจังหวะการเคลื่อนไหวระยะสั้น RSI วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของราคา ช่วยให้เห็นสัญญาณว่าตลาดอยู่ในภาวะซื้อมากหรือขายมาก
ในปี 2025 RSI ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อขายใช้กรอบเวลาที่สั้นลงและชอบช่วง RSI 5 วันหรือ 14 วันสำหรับรายการเข้าที่แม่นยำ
RSI ที่สูงกว่า 70 แสดงถึงภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) ซึ่งอาจเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการขายออปชัน call หรือซื้อออปชัน put
RSI ที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ถึงภาวะขายมากเกินไป (oversold) เหมาะกับการขายออปชัน put หรือซื้อออปชัน call
เทรดเดอร์มักใช้ RSI ร่วมกับ IV Rank เพื่อเลือกเทรดที่มีโมเมนตัมราคาและราคาพรีเมียมที่เหมาะสม
2) Moving Averages (MA): ยืนยันแนวโน้มและจังหวะเข้าเทรด
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยเฉพาะ Exponential Moving Average (EMA) ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของกลยุทธ์ออปชันในปี 2025
EMA ระยะสั้น เช่น 8 วัน และ 21 วัน นิยมใช้สำหรับ:
ระบุจุด breakout
ยืนยันทิศทางสำหรับการเทรดออปชันแบบมีทิศทาง (directional trades)
กรองสัญญาณเท็จ
ตัวอย่างเช่น การที่เส้น EMA 8 วันตัดขึ้นเหนือ EMA 21 วัน อาจกระตุ้นให้นักเทรดเปิดสถานะ bullish call spread โดยเฉพาะเมื่อ IV Rank อยู่ในระดับต่ำและ RSI ยืนยันโมเมนตัมขาขึ้น
3) Bollinger Bands: จับจุดเบรกเอาต์และการกลับตัวของความผันผวน
Bollinger Bands มีประโยชน์มากสำหรับนักเทรดออปชัน เพราะช่วยบ่งชี้ความผันผวนและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ในปี 2025 นักเทรดมักใช้ Bollinger Bands เพื่อ:
ขายออปชันในช่วงตลาดแกว่งตัว (เมื่อราคาชนแถบบนหรือล่าง)
เทรดเบรกเอาต์เมื่อราคาปิดนอกแถบ พร้อมยืนยันด้วยปริมาณซื้อขาย
ใช้ร่วมกับ IV Rank เพื่อคาดการณ์การเทรดแบบกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย (mean-reversion)
เมื่อราคาหุ้นชนแถบบนและ IV Rank สูง การขาย call spread หรือเปิดสถานะ bearish อาจเป็นจังหวะที่มีโอกาสสำเร็จสูง
4) MACD (Moving Average Convergence Divergence): ความแข็งแกร่งของแนวโน้มและโมเมนตัม
MACD ช่วยยืนยันทิศทางแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ขณะที่ RSI มักตอบสนองได้รวดเร็วกว่า MACD จะให้ภาพที่ชัดเจนกว่าในเรื่องแนวโน้มระยะยาว
ในการเทรดออปชัน MACD สามารถช่วย:
กรองสัญญาณสำหรับกลยุทธ์ตามแนวโน้ม (trend-following)
หลีกเลี่ยงสัญญาณหลอกในสภาวะตลาดแกว่งตัว (whipsaws)
ยืนยันการเทรดแบบมีทิศทาง เช่น การซื้อ call หรือ put
ในตลาดที่มีความถี่สูงในปี 2025 สัญญาณความแตกต่าง (divergences) ของ MACD histogram ช่วยตรวจจับจุดกลับตัวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
5) Volume Indicators: ยืนยันปริมาณซื้อขาย
การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย (Volume) ได้พัฒนาขึ้นมากในปี 2025 ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้นและเครื่องมือเทรดอัลกอริทึม
ตัวชี้วัดปริมาณ เช่น On-Balance Volume (OBV) หรือ Volume Weighted Average Price (VWAP) ช่วยให้นักเทรด:
ยืนยันจุดเบรกเอาต์หรือเบรกดาวน์
หลีกเลี่ยงสัญญาณหลอก
ตรวจจับการสะสม (accumulation) หรือการกระจาย (distribution) ก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหว
การใช้การยืนยันปริมาณร่วมกับสัญญาณ RSI หรือ Bollinger Bands จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จของการเทรด
สำหรับ Credit Spreads
IV Rank สูง
RSI อยู่ที่ระดับสุดขีด (overbought หรือ oversold)
ราคาชน Bollinger Band
อินดิเคเตอร์นี้ช่วยให้นักเทรดขายพรีเมียมในจุดที่มีโอกาสเกิดการกลับตัวสูง
สำหรับการซื้อ Long Calls หรือ Puts
IV Rank ต่ำ
สัญญาณ MACD crossover
การยืนยันด้วย EMA
การตั้งค่านี้ช่วยให้นักเทรดซื้อออปชันได้ในราคาถูก พร้อมทั้งได้รับการยืนยันทิศทางแนวโน้ม
สำหรับ Iron Condors
RSI อยู่ในระดับกลาง (Neutral)
ประวัติการเบรกเอาต์ของความผันผวนต่ำ
Bollinger Bands แคบ
เทรดเดอร์จะได้กำไรจาก time decay ในช่วงที่ราคาขยับตัวในกรอบจำกัด (range-bound)
อินดิเคเตอร์เทรดที่ดีที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแม่นยำทางสถิติเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ:
สไตล์การเทรดของคุณ (เทรดแบบมีทิศทาง หรือแบบกลางๆ)
กรอบเวลา (รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน)
ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ระดับประสบการณ์
สำหรับมือใหม่ การใช้ IV Rank และ RSI เป็นพื้นฐานที่ง่ายแต่ทรงพลัง ส่วนเทรดเดอร์ระดับกลางอาจเพิ่ม Bollinger Bands และ Greeks เข้าไป ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้การสแกนแบบกำหนดเองที่รวมอินดิเคเตอร์ 4–6 ตัว เพื่อความแม่นยำสูงขึ้น
ถ้าต้องเลือกอินดิเคเตอร์เทรดออปชั่นในปี 2025 ตัวที่โดดเด่นที่สุดคือ Implied Volatility Rank (IV Rank) เพราะมันสามารถแสดงราคาพรีเมียมที่สัมพันธ์กันได้อย่างเหนือชั้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่แท้จริงมาจากการนำ IV Rank มารวมกับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI, Bollinger Bands และ moving averages
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง
2025-06-20เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต
2025-06-20ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย
2025-06-20