简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

10 ความจริงที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ SHY ETF

เผยแพร่เมื่อ: 2025-09-22

กองทุน ETF (Exchange-traded funds) ได้เปลี่ยนโฉมวิธีการลงทุนของทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน โดยเปิดโอกาสให้เข้าถึงหุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ได้ภายในแพ็กเกจเดียวที่มีต้นทุนต่ำ แต่ไม่ใช่ทุก ETF จะโด่งดังเท่ากัน ในขณะที่ทั่วโลกรู้จักกองทุนที่อ้างอิง S&P 500 หรือกองทุนหุ้นเติบโต ยังมีกองทุน ETF อีกหลายประเภทที่แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงมาก แต่ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน


หนึ่งในผู้เล่นที่มักถูกมองข้ามก็คือ iShares 1-3 Year Treasury Bond ETF (ตัวย่อ: SHY) หรือที่รู้จักกันในชื่อ SHY ETF กองทุนนี้ติดตามพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น และถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกใช้อย่างกว้างขวางที่สุดในการจัดการความเสี่ยงและสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีขนาดและความสำคัญมากมาย SHY ETF กลับมักถูกเข้าใจผิด นักลงทุนจำนวนไม่น้อยคิดว่ามันเหมือนเงินสดทุกประการ ไม่เคยขาดทุน หรือไม่มีบทบาทในพอร์ตการลงทุนยุคใหม่


ความเข้าใจผิดเหล่านี้อาจมีต้นทุนสูง การใช้ SHY ETF ผิดวิธีหรือการมองข้ามไปเลย อาจทำให้พอร์ตการลงทุนมีช่องโหว่ได้ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจประวัติของ SHY ETF เจาะลึก 10 ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย และอธิบายสิ่งที่นักลงทุนควรรู้จริง ๆ เมื่ออ่านจบ คุณจะมีมุมมองที่ชัดเจนขึ้นในการประเมินว่า ETF กองนี้ควรมีที่ในกลยุทธ์การลงทุนของคุณหรือไม่

SHY ETF


ประวัติล่าสุดของ SHY ETF


แม้ว่า SHY ETF จะมีอายุเกินสองทศวรรษมาแล้ว แต่ผลการดำเนินงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้สะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนเป็นพิเศษ ว่ากองทุนพันธบัตรระยะสั้นก็สามารถอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เช่นกัน


2021: ความสงบก่อนพายุ


ในปี 2021 ตลาดยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ ดอกเบี้ยยังใกล้ศูนย์ เงินเฟ้อเริ่มก่อตัว แต่ธนาคารกลางยังไม่เข้มงวดนโยบาย SHY ETF ให้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อยราว 0.3% นักลงทุนมักใช้เป็นที่พักเงินชั่วคราวเพื่อรอโอกาสที่ดีกว่า แม้ผลตอบแทนต่ำ แต่ก็ไม่ต่างจากบัญชีเงินฝากหรือกองทุนตลาดเงินในขณะนั้น


2022: ช็อกจากดอกเบี้ย


ปี 2022 ทุกอย่างเปลี่ยนไป เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้ Fed ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง กองทุนพันธบัตรระยะยาวหลายกองทุนขาดทุนกว่า 20% แม้ SHY ETF จะขาดทุนเพียงประมาณ -3.9% แต่ก็สร้างความตกใจให้นักลงทุนจำนวนมากที่เชื่อว่าพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น “ไม่มีวันติดลบ” เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความจริงว่า SHY ETF ช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่ไม่อาจกำจัดความเสี่ยงได้ทั้งหมด


2023: การฟื้นตัวและการปรับสมดุล


เมื่อเงินเฟ้อเริ่มลดลงและตลาดปรับตัวเข้ากับดอกเบี้ยที่สูงขึ้น SHY ETF ฟื้นตัวในปี 2023 ให้ผลตอบแทนราว 4.2% นักลงทุนกลับมาเชื่อมั่นในพันธบัตรอีกครั้ง ความที่กองทุนมีอายุเฉลี่ยสั้น ทำให้สามารถนำเงินจากพันธบัตรที่ครบกำหนดไปลงทุนใหม่ในอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้รวดเร็ว จึงปรับตัวได้ไวกว่าเพื่อนบ้านที่ถือพันธบัตรระยะยาว


2024: ผลตอบแทนที่มั่นคง


ในปี 2024 SHY ETF ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.9% สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ด้วยอายุเฉลี่ยของพันธบัตรในพอร์ตเพียงราว 1.9 ปี ทำให้นักลงทุนได้รับรายได้ประจำอย่างมั่นคง ในขณะที่ความผันผวนยังคงอยู่ในระดับต่ำ สำหรับหลายคน SHY ETF จึงกลายเป็นทางเลือกที่ลงตัว ระหว่าง “ความปลอดภัย” และ “ผลตอบแทน” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินฝากธนาคารที่มักให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าพันธบัตรรัฐบาล


ช่วงเวลาเพียง 4 ปีนี้ แสดงให้เห็นสองด้านของ SHY ETF ได้ชัดเจน กองทุนนี้เป็นทั้งที่หลบภัย และเป็นเครื่องเตือนใจ ว่ากองทุนพันธบัตรรัฐบาลก็ยังผูกพันอยู่กับวัฏจักรเศรษฐกิจ


ทำไมนักลงทุนเลือกใช้ SHY ETF?


SHY ETF ทำหน้าที่หลากหลายภายในพอร์ตการลงทุน ได้แก่:


  • การรักษาเงินต้น : นักลงทุนใช้เพื่อปกป้องเงินต้นในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน

  • การเพิ่มผลตอบแทน : เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสั้นสูง ก็มักเหนือกว่าผลิตภัณฑ์ออมเงินทั่วไป

  • ลดความผันผวน : ช่วยสร้างสมดุลเมื่อลงทุนคู่กับสินทรัพย์เสี่ยง

  • เป็นทางเลือกแทนเงินสด : โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่ต้องการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ

  • เครื่องมือเชิงกลยุทธ์ : เทรดเดอร์มักโยกเงินเข้ามาชั่วคราวเมื่อคาดว่าตลาดอื่นจะผันผวน


ความยืดหยุ่นนี้เองที่ทำให้เกิด “ความเข้าใจผิด” ได้ง่าย นักลงทุนแต่ละกลุ่มมองเห็นสิ่งที่ต่างกันใน SHY ETF ขึ้นอยู่กับวิธีการที่พวกเขาเลือกใช้มัน


10 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ SHY ETF ที่ควรเลิกเชื่อ


ความเชื่อที่ 1: SHY ETF = เงินสด


ในมุมมองแรก SHY ETF ดูคล้ายเงินสด—ปลอดภัย มั่นคง และสภาพคล่องสูง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเงินสดไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคา ขณะที่ SHY ETF มีความผันผวนได้ เช่น ในปี 2022 ราคาลดลงเกือบ 4% สำหรับนักลงทุนที่คาดว่าจะเหมือนเงินสด นั่นถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ บทสรุปคือ: SHY ETF ปลอดภัยกว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย


ความเชื่อที่ 2: SHY ETF ให้ผลตอบแทนน้อยจนไม่คุ้ม

หลายคนคิดว่า SHY ETF ให้ผลตอบแทนเล็กน้อย แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3.5%–3.9% ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบัญชีเงินฝากทั่วไป ผลตอบแทนเหล่านี้เมื่อทบต้นไปเรื่อย ๆ ก็สร้างความแตกต่างได้มาก นักลงทุนที่มองข้าม SHY ETF ว่าไร้ค่า กำลังประเมินต่ำไปว่ามันเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง


ความเชื่อที่ 3: SHY ETF ไม่มีวันขาดทุน


พันธบัตรรัฐบาลถือว่าปลอดภัยด้านเครดิต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาไม่เปลี่ยนแปลง SHY ETF สามารถขาดทุนได้จริง และก็เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2022 แม้การขาดทุนจะน้อยกว่าพันธบัตรระยะยาว แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่จับต้องได้ นักลงทุนควรเข้าใจว่า SHY ETF คือสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ แต่ไม่ใช่ไร้ความเสี่ยง


ความเชื่อที่ 4: SHY ETF ขายออกยาก (ไม่มีสภาพคล่อง)


แม้จะมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า “เงียบ” แต่ SHY ETF ก็เป็นหนึ่งใน ETF ตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก มีการซื้อขายหุ้นหลายล้านหุ้นต่อวัน ช่วยให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยเข้าและออกได้อย่างง่ายดาย โดยทั่วไปแล้วส่วนต่างราคาเสนอซื้อ-เสนอขายจะแคบ ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมในกลยุทธ์ตราสารหนี้


ความเชื่อที่ 5: SHY ETF ค่าธรรมเนียมแพงเกินไป


SHY ETF มีอัตราค่าธรรมเนียมเพียง 0.15% ซึ่งต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานอุตสาหกรรม บางคนอาจมองว่าการเก็บค่าธรรมเนียมกับพันธบัตรรัฐบาลนั้นไม่คุ้มค่า แต่จริง ๆ แล้ว กองทุนนี้ให้ความสะดวก ขนาดการลงทุนที่ใหญ่ และการกระจายความเสี่ยงทันทีในพันธบัตรรัฐบาลหลายสิบฉบับ สำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถซื้อพันธบัตรเองโดยตรง ต้นทุนนี้ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ


ความเชื่อที่ 6: SHY ETF เหมาะสำหรับนักลงทุนสายอนุรักษ์นิยมเท่านั้น


จริงอยู่ว่านักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมักถือ SHY ETF แต่การใช้งานจริงกว้างกว่านั้นมาก กองทุนเฮดจ์ฟันด์ใช้มันเป็นที่พักสภาพคล่องระหว่างการซื้อขาย เทรดเดอร์เชิงรุกก็โยกเงินเข้าเมื่ออยากหาที่หลบภัยชั่วคราว สถาบันการเงินเองก็พึ่งพาเพื่อจัดการสภาพคล่อง กล่าวได้ว่า ประโยชน์ของ SHY ETF กว้างกว่าการเป็นของนักลงทุนสาย “ระมัดระวัง” เท่านั้น


ความเชื่อที่ 7: SHY ETF ป้องกันเงินเฟ้อได้เสมอ


SHY ETF ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันเงินเฟ้อโดยตรง แม้ผลตอบแทนอาจช่วยชดเชยบางส่วน แต่หากเงินเฟ้อพุ่งเร็วกว่าการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทน ผลตอบแทนจริง (Real Return) ก็ยังติดลบ หากต้องการการป้องกันเงินเฟ้อที่แท้จริง นักลงทุนควรเลือกพันธบัตรรัฐบาลที่มีการป้องกันเงินเฟ้อ (TIPS) ไม่ใช่ SHY ETF


ความเชื่อที่ 8: SHY ETF ไม่ได้ช่วยเพิ่มการกระจายความเสี่ยง


การกระจายความเสี่ยงไม่ได้วัดจากจำนวนสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการเคลื่อนไหว SHY ETF มักเคลื่อนไหวแตกต่างจากหุ้นและพันธบัตรเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในช่วงขาลง แม้จะไม่สร้างผลตอบแทนหวือหวา แต่ช่วยทำให้พอร์ตการลงทุน “ราบเรียบ” ขึ้น ซึ่งนั่นเองคือคุณค่าของการกระจายความเสี่ยง


ความเชื่อที่ 9: SHY ETF เหมาะสำหรับถือยาวเท่านั้น


นักลงทุนบางคนถือ SHY ETF เป็นเวลาหลายปี แต่ก็มีอีกหลายกลุ่มที่ใช้เชิงกลยุทธ์ เช่น เป็นที่พักเงินสดชั่วคราวก่อนโยกลงทุนใหม่ หรือเป็นเกราะป้องกันในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนในระยะสั้น ด้วยระยะเวลาครบกำหนดที่สั้น กองทุนนี้จึงมีความยืดหยุ่นทั้งระยะสั้นและระยะยาว


ความเชื่อที่ 10: SHY ETF ไม่มีที่ยืนในพอร์ตการลงทุนยุคใหม่


บางคนมองว่าท่ามกลางกระแสหุ้นและสินทรัพย์ทางเลือก SHY ETF ล้าสมัยไปแล้ว แต่รอบวัฏจักรดอกเบี้ยล่าสุดได้พิสูจน์ตรงกันข้าม นักลงทุนที่ต้องการทั้ง “ผลตอบแทนและความปลอดภัย” หันกลับมาใช้ SHY ETF อีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ามันยังคงเป็นส่วนสำคัญของพอร์ตการลงทุนยุคปัจจุบัน

SHY ETF


SHY ETF ในกลยุทธ์การลงทุนต่าง ๆ


  • สำหรับผู้เกษียณอายุ : SHY ETF มอบรายได้ที่มั่นคงและความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับการรักษาเงินต้น

  • สำหรับเทรดเดอร์เชิงรุก: ใช้เป็นที่พักชั่วคราวในช่วงตลาดผันผวน ก่อนกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

  • สำหรับสถาบันการเงิน: ใช้เป็นเครื่องมือบริหารสภาพคล่อง จัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สำหรับนักลงทุนสายสมดุล: การเพิ่ม SHY ETF เข้าพอร์ตช่วยลดความผันผวนโดยรวม ทำให้ผลตอบแทนเรียบขึ้นตลอดวัฏจักร


ความสามารถในการปรับใช้ได้กับนักลงทุนหลายกลุ่ม คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ SHY ETF ยังคงได้รับความนิยม แม้จะถูกมองว่าเป็นกองทุนที่ “น่าเบื่อ”


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SHY ETF


Q1. SHY ETF สามารถขาดทุนได้จริงหรือ?


ได้จริง แม้จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ราคายังคงผันผวนตามดอกเบี้ย เช่นในปี 2022 ราคาลดลงเกือบ 4% แม้การขาดทุนจะน้อยกว่าพันธบัตรระยะยาว แต่ก็ไม่ควรมองข้าม


Q2. SHY ETF เป็นทางเลือกแทนเงินสดที่ดีหรือไม่?


ขึ้นอยู่กับมุมมอง SHY ETF มีเสถียรกว่าหุ้น แต่ไม่มั่นคงเท่าเงินสด หากนักลงทุนยอมรับความผันผวนเล็กน้อยเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงกว่า ก็อาจเลือกใช้แทนเงินฝากได้ แต่ไม่ควรสับสนว่ามันคือการออมที่ไร้ความเสี่ยง


Q3. ใครได้ประโยชน์สูงสุดจากการถือ SHY ETF?


นักลงทุนสายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการความปลอดภัย สถาบันที่ต้องการบริหารสภาพคล่อง และเทรดเดอร์ที่มองหาที่พักชั่วคราวในช่วงตลาดผันผวน ทุกกลุ่มสามารถใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ได้ แต่การใช้อย่างเหมาะสมต้องมาพร้อมความเข้าใจข้อจำกัดของมัน


บทสรุป


iShares 1-3 Year Treasury Bond ETF หรือ SHY ETF อาจไม่เป็นข่าวใหญ่โต แต่บทบาทในพอร์ตการลงทุนปฏิเสธไม่ได้ ความเชื่อผิด ๆ เช่น การคิดว่ามันไร้ความเสี่ยง ไม่สำคัญ หรือเหมือนเงินสดทุกประการ ล้วนทำให้นักลงทุนประเมินมันต่ำเกินไป


ความจริงแล้ว SHY ETF คือเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในการสร้างความปลอดภัย รายได้ และความยืดหยุ่น มันสามารถรักษาเงินต้นในช่วงตลาดผันผวน สร้างกระแสเงินสดรายเดือนที่มั่นคง และช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตการลงทุน แม้มันจะไม่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนที่หวือหวา แต่คุณค่าที่แท้จริงคือการ “สร้างเสถียรภาพ” และนั่นทำให้มันมีความสำคัญอย่างยิ่ง


เมื่อสภาพแวดล้อมทางการเงินเปลี่ยนแปลงไป SHY ETF จะยังคงมีบทบาท นักลงทุนที่มองข้ามมายาคติและใช้มันอย่างชาญฉลาด จะพบว่า SHY ETF ไม่ได้ “เงียบงัน” อย่างชื่อเรียก แต่กลับเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการบริหารความมั่งคั่งระยะยาว


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
รู้จัก IEI ETF ตัวชี้วัดพันธบัตรกลางเทอมของสหรัฐฯ
เทรด Forex ให้ได้กำไรด้วยกลยุทธ์และแนวคิดที่ถูกต้อง
7 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ Fibonacci เทรด
การเทรดรายวัน (Day Trading) คืออะไร?
5 ความผิดพลาดที่พบบ่อยในการอ่าน Inducement ของตลาด