บทความนี้ได้รวบรวมคำศัพท์สำคัญในตลาดหุ้นจำนวน 50 คำ ที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ เพื่อให้เข้าใจภาษาของตลาดและเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนได้อย่างมั่นใจ
สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้าสู่โลกของการลงทุน ตลาดหุ้นอาจดูเหมือนภาษาต่างดาว คำอย่าง “ตลาดกระทิง” “หุ้นบลูชิพ” หรือ “อัตราส่วน P/E” อาจฟังดูซับซ้อนในตอนแรก แต่การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีเหตุผลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บทความนี้ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ว่าคุณจะเริ่มเทรดออนไลน์เป็นครั้งแรก หรือกำลังมองหาความรู้ทางการเงินเพิ่มเติม การเรียนรู้คำศัพท์หุ้นทั้ง 50 คำนี้จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจ และพร้อมก้าวเข้าสู่โลกการลงทุนอย่างมีความรู้และความเข้าใจ
ก่อนจะเข้าสู่รายการคำศัพท์หุ้น 50 คำ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเหตุใดการเรียนรู้คำศัพท์ในตลาดหุ้นจึงมีความสำคัญ:
ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น: คุณจะเข้าใจสิ่งที่นักวิเคราะห์พูด หรือข่าวพาดหัวเกี่ยวกับตลาดหุ้นหมายถึงอะไร
สื่อสารได้อย่างมั่นใจ: สามารถพูดคุยกับโบรกเกอร์ ที่ปรึกษาการเงิน หรือเพื่อนนักลงทุนได้อย่างคล่องแคล่ว ด้วยภาษาที่ตรงกัน
ลดความเสี่ยงในการลงทุน: เข้าใจเบื้องหลังของกลยุทธ์ อินดิเคเตอร์ หรือการเคลื่อนไหวของตลาดก่อนที่จะนำเงินจริงไปลงทุน
การเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้คือรากฐานสำคัญที่จะทำให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คำศัพท์เหล่านี้อธิบายโครงสร้างและพฤติกรรมของตลาดการเงิน
1. ตลาดหลักทรัพย์ : แพลตฟอร์มสำหรับซื้อและขายหุ้น เช่น NYSE, NASDAQ
2. สัญลักษณ์หุ้น (Ticker Symbol) : รหัสย่อของหุ้น เช่น AAPL สำหรับ Apple
3. มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalisation) : มูลค่าหุ้นรวมของบริษัท (ราคาหุ้น×จำนวนหุ้นทั้งหมด)
4. การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) : การที่บริษัทเอกชนเปิดขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก
5. หุ้น : หน่วยของความเป็นเจ้าของในบริษัท
6. ตลาดกระทิง (Bull Market) : ช่วงเวลาที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น มักเกิดจากความคาดหวังในแง่ดี
7. ตลาดหมี (Bear Market) : ช่วงที่ราคาหุ้นโดยรวมลดลงต่อเนื่อง
8. ปริมาณซื้อขาย (Volume) : จำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง
9. ความผันผวน : ระดับความเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในแต่ละช่วงเวลา
10. ดัชนี : ตัวชี้วัดที่สะท้อนภาพรวมของกลุ่มหุ้น เช่น S&P 500 หรือ Dow Jones
นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท
11. หุ้นสามัญ : สิทธิความเป็นเจ้าของในบริษัทพร้อมสิทธิในการออกเสียง
12. หุ้นบุริมสิทธิ : หุ้นประเภทที่มีเงินปันผลคงที่ แต่โดยปกติแล้วจะไม่มีสิทธิในการออกเสียง
13. ETF (Exchange-Traded Fund) : การรวมหลักทรัพย์หลายตัวไว้ในหน่วยเดียวที่ซื้อขายเหมือนหุ้น
14. กองทุนรวม : กองทุนรวมที่บริหารจัดการโดยมืออาชีพ ซึ่งรวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายราย
15. พันธบัตร : เงินกู้ที่บริษัทหรือรัฐบาลออกให้ โดยจ่ายดอกเบี้ยตามเวลาที่กำหนด
16. เงินปันผล : ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้น
17. หุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock) : หุ้นของบริษัทใหญ่ มีความมั่นคงทางการเงินสูง
18. หุ้นเติบโต (Growth Stock) : หุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรสูง
19. หุ้นมูลค่า (Value Stock) : หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน
20. หุ้นเพนนี (Penny Stock) : หุ้นราคาต่ำ มีความเสี่ยงสูง โดยมักมีราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์ต่อหุ้น
การทำความเข้าใจการดำเนินการซื้อขายจะช่วยจัดการความเสี่ยงและควบคุมจังหวะการลงทุน
21. คำสั่งซื้อขาย : คำสั่งซื้อ/ขายหุ้นทันทีตามราคาตลาดที่ดีที่สุด
22. คำสั่งซื้อขายแบบจำกัด (Limit Order) : คำสั่งซื้อ/ขายหุ้นที่กำหนดราคาที่ต้องการไว้
23. จุดหยุดการขาดทุน (Stop-Loss) : คำสั่งขายหุ้นเมื่อราคาถึงจุดที่ระบุ
24. ราคาเสนอซื้อ (Bid Price) : ราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่าย
25. ราคาเสนอขาย (Ask Price): ราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีรับ
26. สเปรด (Spread) : ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย
27. คำสั่งซื้อขายแบบรายวัน (Day Order) : คำสั่งซื้อขายจะมีอายุเฉพาะในช่วงวันทำการซื้อขายเท่านั้น
28. Fill or Kill (FOK) : คำสั่งที่ต้องดำเนินการทันที หรือถูกยกเลิก
29. การขายชอร์ต (Short Selling) : การยืมหุ้นมาขาย โดยหวังจะซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่า
30. มาร์จิ้น (Margin) : การกู้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อลงทุนเพิ่ม
คำศัพท์กลุ่มนี้ช่วยวิเคราะห์มูลค่าและผลกำไรของหุ้น
31. อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) : ราคาหุ้นของบริษัทหารด้วยกำไรต่อหุ้น (EPS)
32. กำไรต่อหุ้น (Earnings Per Share:EPS) : กำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด
33. ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE) : การวัดผลกำไรของบริษัทโดยใช้มูลค่าสุทธิของผู้ถือหุ้น
34. อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล : เงินปันผลต่อหุ้นหารด้วยราคาหุ้น แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
35. มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดต่อ GDP (Market Cap-to-GDP) : ดัชนีวัดความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่าตลาดกับ GDP
36. อัตราส่วน PEG : อัตราส่วน P/E หารด้วยอัตราการเติบโตของกำไร
37. มูลค่าตามบัญชี : มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัท
38. เบต้า (Beta) : ค่าที่แสดงความผันผวนของหุ้นเมื่อเทียบกับตลาด
39. กระแสเงินสดอิสระ : เงินสดที่หักหลังค่าใช้จ่ายด้านทุน แสดงให้เห็นถึงสุขภาพทางการเงิน
40. EBITDA : กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย
ผู้มีบทบาทหลากหลายในการขับเคลื่อนตลาดการเงิน
41. นักลงทุนรายย่อย : นักลงทุนบุคคลที่ใช้เงินทุนของตนเอง
42. นักลงทุนสถาบัน : หน่วยงานขนาดใหญ่ เช่น กองทุนรวม หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญ
43. โบรกเกอร์ : ตัวกลางที่ดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุน
44. ผู้ดูแลสภาพคล่อง : บริษัทที่ช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องโดยซื้อขายจากพอร์ตของตนเอง
45. นักวิเคราะห์ : ผู้เชี่ยวชาญที่วิเคราะห์หลักทรัพย์และให้คำแนะนำด้านการลงทุน
คำศัพท์กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับกราฟและอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
46. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average: MA) : ราคาเฉลี่ยของหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปรับความผันผวนให้เรียบ
47. RSI (Relative Strength Index) : อินดิเคเตอร์โมเมนตัมที่ใช้วัดความแข็งแกร่งในการเคลื่อนไหวของราคา
48. MACD (Moving Average Convergence Divergence) : แสดงทิศทางแนวโน้มและโมเมนตัม
49. แนวรับและแนวต้าน : ระดับราคาที่หุ้นมักหยุดลงหรือหยุดขึ้น
50. กราฟแท่งเทียน : กราฟที่แสดงราคาเปิด สูง ต่ำ และปิด ในแต่ละช่วงเวลา
การเข้าใจความหมายของคำศัพท์หุ้นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น คุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่การนำไปใช้ในสถานการณ์จริง เช่น:
อ่านข่าวการเงินและวิเคราะห์พาดหัวหรือรายงาน
ประเมินพอร์ตการลงทุนของตนเองและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
ติดตามข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์และเชื่อมโยงกับคำศัพท์ที่เรียนรู้
ตัวอย่างเช่น หากนักวิเคราะห์กล่าวว่าบริษัทแห่งหนึ่ง "ถูกประเมินค่าต่ำเกินไป โดยมีอัตรา P/E ต่ำ และมีกระแสเงินสดอิสระที่แข็งแกร่ง" คุณจะเข้าใจทันทีว่านี่คือหุ้นมูลค่าที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
ในทำนองเดียวกัน หากคุณกำลังใช้ RSI และระดับแนวรับแนวต้านในการเลือกจังหวะเข้าซื้อ ก็แสดงว่าคุณเริ่มใช้หลักวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว
แม้จะรู้คำศัพท์แล้ว แต่นักลงทุนมือใหม่หลายคนยังคงตกหลุมพรางเดิม ๆ ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น:
การซื้อขายมากเกินไปโดยไม่มีกลยุทธ์: เข้าใจคำสั่งซื้อขายไม่ได้แปลว่าควรซื้อขายตลอดเวลาแบบไร้กลยุทธ์
การไล่ตามกระแส: รู้จัก IPO ไม่ได้แปลว่า IPO ทุกตัวจะเป็นโอกาสลงทุนที่ดีเสมอไป
การละเลยความเสี่ยง: คำอย่าง “มาร์จิ้น” หรือ “การขายชอร์ต” เกี่ยวข้องกับการใช้เลเวอเรจ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้มาก
สนใจแค่ราคาหุ้นอย่างเดียว : ราคาหุ้นไม่ใช่เครื่องมือวัดมูลค่าที่แท้จริง ควรพิจารณาอัตราส่วนอย่าง P/E, EPS และ ROE ประกอบด้วย
หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้โดยใช้กลยุทธ์ที่สมดุล ซึ่งประกอบด้วยความรู้ การวิเคราะห์ และความอดทน
โดยสรุปแล้ว การเรียนรู้คำศัพท์หุ้นทั้ง 50 คำก็เปรียบได้กับการมี “พาสปอร์ต” ที่จะพาคุณเข้าสู่โลกการเงิน คุณจะสามารถใช้งานแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ได้คล่อง อ่านรายงานนักวิเคราะห์และข่าวสารตลาดได้เข้าใจ และเริ่มวางกลยุทธ์การลงทุนของตัวเองได้อย่างมั่นใจ
แต่อย่าลืมว่า เส้นทางของนักลงทุนไม่ได้จบลงแค่การรู้คำศัพท์ เพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ภาษาการลงทุนก็พัฒนาตามไปด้วย จงเปิดใจ เรียนรู้ศึกษาต่อเนื่อง และอย่าหยุดพัฒนา
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
ตอบทุกข้อสงสัย ปฏิทินเศรษฐกิจ คืออะไร พร้อมเปิดวิธีใช้งานอย่างละเอียดสำหรับเทรดเดอร์สายยิงออเดอร์แบบเกาะติดทุกสถานการณ์ในตลาด Forex
2025-07-26กระจ่างชัด ดัชนี CPI คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะ Forex เพราะไขความแตกต่างระหว่าง CPI และ Core CPI
2025-07-25ในปี 2025 อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะลดลงหรือไม่? เจาะลึกมุมมองผู้เชี่ยวชาญ แนวโน้มเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้าน และนักลงทุนอสังหาฯ
2025-07-25