10 อันดับหนังการเงินที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรดู

2025-06-05
สรุป

หนังการเงิน 10 อันดับแรกที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเทรดและการลงทุนจากโลกแห่งความเป็นจริง เหมาะสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่

โลกการเงินเป็นสนามที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว เต็มไปด้วยความเสี่ยงและดราม่า — ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ นักลงทุนหน้าใหม่ หรือเพียงผู้ที่หลงใหลในเรื่องราวการเงินต่างต้องเคยดูหนังการเงิน เพราะมันคือหน้าต่างสู่ตลาดโลกแห่งการเงิน


ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึก 10 อันดับหนังการเงินที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกคนควรดู — ตั้งแต่ตำนาน Wall Street ไปจนถึงทริลเลอร์ยุคใหม่ ภาพยนตร์เหล่านี้ไม่เพียงให้ความบันเทิง แต่ยังแฝงความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับ จิตวิทยาตลาด, การบริหารความเสี่ยง, จริยธรรมองค์กร, และ โครงสร้างของระบบการเงิน


ความสำคัญของหนังการเงินต่อกลุ่มนักลงทุนและเทรดเดอร์

Importance of Finance Movies

ก่อนจะไปดูรายชื่อภาพยนตร์ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมหนังการเงินถึง “คุ้มค่า” สำหรับเวลาของนักลงทุนและเทรดเดอร์


1. การศึกษาผ่านความบันเทิง

ภาพยนตร์สามารถถ่ายทอดแนวคิดทางการเงินที่ซับซ้อนให้ง่ายขึ้น เข้าใจได้แม้ไม่มีพื้นฐานการเงิน และในขณะเดียวกัน ยังเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุนมืออาชีพอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตราสารอนุพันธ์ การเก็งกำไร หรือกลยุทธ์การบริหารพอร์ต


2. จิตวิทยาการตลาด

จากความโลภ ความกลัว พฤติกรรมฝูงชน ไปจนถึงภาวะฟองสบู่ที่ไร้เหตุผล (irrational exuberance) — ภาพยนตร์สายการเงินช่วยสะท้อนอารมณ์และพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด ที่มักจะเป็นตัวขับเคลื่อนราคาไม่แพ้ปัจจัยพื้นฐาน


3. ข้อมูลเชิงลึกทางประวัติศาสตร์

หลายเรื่องสร้างจากเหตุการณ์จริง เช่น วิกฤตตลาดปี 1987 (Black Monday), ฟองสบู่ดอทคอม, หรือวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 ภาพยนตร์เหล่านี้เปรียบเสมือน "คอร์สเร่งรัด" ทางประวัติศาสตร์การเงิน ที่ช่วยให้เรามองเห็น Pattern วิกฤต และเรียนรู้จากอดีตเพื่อไม่ซ้ำรอย


หนังการเงิน 10 เรื่องที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ต้องดู

Top 10 Finance Movies

1. The Big Short (2015) เกมฉวยโอกาสรวย

สร้างจากหนังสือขายดีของ Michael Lewis เรื่อง The Big Short ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของนักลงทุนกลุ่มเล็ก ๆ ที่มองเห็นวิกฤตการเงินปี 2008 ก่อนใคร พวกเขาเดิมพันกับตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ที่กำลังฟูเกินจริง — และในที่สุด พวกเขาก็ชนะเดิมพันนั้นอย่างยิ่งใหญ่


เหตุผลที่ควรดู:

  • อธิบายเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อน เช่น CDO (Collateralized Debt Obligations) และ Credit Default Swaps ได้อย่างเข้าใจง่าย

  • แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ “การคิดสวนทาง” (Contrarian Thinking) ในการลงทุน

  • เป็นภาพสะท้อนความจริงอันโหดร้ายว่า การเก็งกำไรที่ไร้การควบคุม สามารถฉุดเศรษฐกิจโลกให้พังลงได้


บทเรียนสำคัญ :

  • “แค่เพราะทุกคนทำ ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้อง” อย่าหลงเชื่อตลาดเพียงเพราะเสียงส่วนใหญ่ การคิดต่างอย่างมีข้อมูลอาจเป็นจุดเริ่มของกำไรมหาศาล

  • “การวิจัยและวิเคราะห์สำคัญกว่ากระแส” ข้อมูลจริงและการทำ Due Diligence มีค่านับไม่ถ้วนเมื่อเทียบกับข่าวลือหรือ FOMO

  • “ตลาดไม่ได้มีเหตุผลเสมอไป” บางครั้งราคาในตลาดสะท้อนอารมณ์มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน การเข้าใจ market irrationality จึงจำเป็นต่อการอยู่รอด


2. Wall Street (1987) วอลสตรีท หุ้นมหาโหด

กำกับการแสดงโดยโอลิเวอร์ สโตน ภาพยนตร์อันโด่งดังเรื่องนี้ติดตามชีวิตของบัด ฟ็อกซ์ นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มและกอร์ดอน เกคโค นักบุกเบิกบริษัท ผู้มีคติประจำใจว่า "ความโลภคือความดี" ซึ่งกลายเป็นตำนานในแวดวงการเงิน


เหตุผลที่ควรดู:

  • ให้มุมมองเกี่ยวกับ การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงใน (Insider Trading), การเข้าซื้อกิจการแบบฮุบกิจการ (Corporate Takeovers) และ จริยธรรมในตลาดทุน

  • ถ่ายทอดบรรยากาศ ยุคทองของความโลภและการแข่งขันสูงบน Wall Street ช่วงทศวรรษ 1980

  • เตือนใจนักลงทุนว่า ความสำเร็จที่ไร้หลักจริยธรรม อาจมีราคาที่ต้องจ่ายแพง


บทเรียนสำคัญ :

  • “การละเลยจริยธรรมในโลกการเงิน อาจทำลายทั้งชีวิตส่วนตัวและอาชีพ” ความผิดพลาดในหลักคุณธรรม แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่จุดจบทั้งในด้านชื่อเสียงและโอกาสทางการเงิน

  • “ความสัมพันธ์และความซื่อสัตย์ สำคัญกว่ากำไรระยะสั้น” นักลงทุนที่ยั่งยืนควรสร้างจากความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เพียงการทำกำไรให้ไวที่สุด


3. Margin Call (2011) เงินเดือด

ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาเพียง 24 ชั่วโมงในบริษัทวาณิชธนกิจแห่งหนึ่ง ก่อนที่วิกฤตการเงินปี 2008 จะระเบิดขึ้นเต็มตัว เนื้อเรื่องเล่าถึงทีมเทรดเดอร์ที่ค้นพบความจริงสุดช็อกว่า สินทรัพย์ที่บริษัทถืออยู่ “ไร้ค่า” ทั้งหมด


เหตุผลที่ควรดู:

  • เจาะลึกกระบวนการ ตัดสินใจภายในองค์กร ท่ามกลางวิกฤตระดับโลก

  • ถ่ายทอด ความล้มเหลวของระบบบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ได้อย่างสมจริง

  • แสดงให้เห็นว่า ตลาดสามารถพังลงอย่างรวดเร็ว และไร้การเตือนล่วงหน้าแค่ไหน


บทเรียนสำคัญ :

  • “ความเสี่ยงต้องประเมินใหม่ตลอดเวลา” การประเมินความเสี่ยงแบบ Static เป็นจุดอ่อนร้ายแรงในตลาดที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา

  • “ความโปร่งใสในองค์กรการเงินคือหัวใจ” เมื่อความจริงถูกซ่อนอยู่ใต้พรม นั่นคือระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด

  • “ในยามวิกฤต... บุคลิกที่แท้จริงจะเปิดเผย” บางคนเลือกหนี บางคนเลือกโกหก แต่บางคนยอมแบกรับความจริง — นักลงทุนควรรู้ว่า “คุณจะเป็นใคร” ในวันที่ตลาดสั่นคลอน


4. Boiler Room (2000)

เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ลาออกจากมหาวิทยาลัย แล้วเข้าทำงานกับบริษัทนายหน้าหุ้นนอกระบบ ซึ่งใช้กลยุทธ์ “รวยเร็ว” ล่อใจคนหนุ่มสาวเข้าสู่โลกการเงินที่ดูหรูหรา ก่อนจะพบว่าเบื้องหลังทั้งหมดคือ แผนปั่นหุ้นแบบ “Pump and Dump” — หลอกให้รายย่อยซื้อหุ้นไร้ค่า แล้วเทขายเพื่อโกยกำไร


เหตุผลที่ควรดู:

  • เปิดโปง โลกของกลโกงทางการเงิน และกลยุทธ์การขายแบบผิดจรรยาบรรณ

  • ให้ภาพชัดเจนว่า นักลงทุนรายย่อยถูกชักจูงอย่างไร ให้ซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีมูลค่า

  • สะท้อนความสำคัญของ กฎระเบียบและการตรวจสอบ (Due Diligence) ในตลาดการเงิน


บทเรียนสำคัญ :

  • “เงินเร็ว มักมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง และศีลธรรมต่ำ” ยิ่งรวยเร็วเท่าไหร่ ยิ่งต้องสงสัยที่มาของเงินเหล่านั้น

  • “ความสำเร็จที่แท้จริง ต้องใช้เวลา ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือ” นักลงทุนมืออาชีพเน้นความยั่งยืน ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนระยะสั้น

  • “ถ้าบางอย่างฟังดูดีเกินจริง มันก็มักจะไม่จริง” อย่าลงทุนเพียงเพราะคำพูดสวยหรู — ให้หลักการและข้อมูลเป็นตัวตัดสินใจ


5. Inside Job (2010)

สารคดีที่ได้รับรางวัลออสการ์เรื่องนี้ เจาะลึกสาเหตุของวิกฤตการเงินโลกปี 2008 โดยเปิดโปง การทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เกิดขึ้นใน Wall Street, สถาบันการศึกษา และรัฐบาล


เหตุผลที่ควรดู:

  • วิเคราะห์อย่างละเอียดและอิงข้อมูลจริงเกี่ยวกับ ความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของระบบการเงิน

  • มีการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ นักวิเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ในวงใน

  • ชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างแรงจูงใจและการปลดล็อกกฎระเบียบ (Deregulation) คือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ภัยพิบัติทางการเงินครั้งนั้น


บทเรียนสำคัญ :

  • “ระบบจะล้มเหลว เมื่อการกำกับดูแลถูกถอดถอน” การไม่มีการตรวจสอบและควบคุมที่เข้มงวด เปิดทางให้เกิดความผิดพลาดและการทุจริต

  • “แม้สถาบันขนาดใหญ่และผู้เชี่ยวชาญก็สามารถประพฤติมิชอบได้” ไม่ควรไว้ใจเพียงแค่ชื่อเสียงหรือวุฒิการศึกษา ต้องมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

  • “ความเชื่อมั่นของสาธารณะในสถาบันการเงินเปราะบางและฟื้นฟูยาก” เมื่อลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่น ตลาดก็จะสั่นคลอนอย่างรุนแรง และใช้เวลานานกว่าจะกลับมาได้อีกครั้ง


6. Trading Places (1983)

หนังคอมเมดี้คลาสสิกที่เล่าเรื่องสองเศรษฐีที่เดิมพันกันด้วยการสลับชีวิตระหว่างนักต้มตุ๋นและเทรดเดอร์สินค้าโภคภัณฑ์ แม้จะมีมุกตลก แต่หนังเรื่องนี้ให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการซื้อขายฟิวเจอร์สและโอกาสในการเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคมได้อย่างน่าประหลาดใจ


เหตุผลที่ควรดู:

  • อธิบายพื้นฐานของ การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ได้อย่างเข้าใจง่าย

  • พูดถึงหัวข้ออย่าง การใช้ข้อมูลวงใน (Insider Trading) ในแบบที่เบาสมองแต่ก็ทรงพลัง

  • แสดงให้เห็นว่า ความรู้และทักษะสำคัญกว่าชาติกำเนิด ในการสร้างความสำเร็จทางการเงิน


บทเรียนสำคัญ :

  • “ความเข้าใจพื้นฐานการซื้อขาย ช่วยให้ทุกคนมีโอกาสแข่งขันอย่างเท่าเทียม” ความรู้คือเครื่องมือที่ลดช่องว่างระหว่างผู้เล่นในตลาด

  • “ตลาดอาจถูกควบคุมหรือบิดเบือนได้ แต่จริยธรรมยังคงมีความสำคัญ” การดำเนินการที่มีจริยธรรมจะส่งผลดีในระยะยาว

  • “ใครๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ หากมีเครื่องมือและกรอบความคิดที่ถูกต้อง” ความพร้อมทางจิตใจและความรู้คือกุญแจสู่ความสำเร็จในโลกการลงทุน


7. Too Big to Fail (2011)

ละครโทรทัศน์จาก HBO ที่ดัดแปลงจากหนังสือของ Andrew Ross Sorkin เล่าเรื่องการตอบสนองของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อวิกฤตการณ์ปี 2008 และความพยายามในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจล่มสลายอย่างสมบูรณ์


เหตุผลที่ควรดู:

  • เปิดเผยเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่าง Wall Street กับรัฐบาลวอชิงตัน

  • เจาะลึกบทบาทของผู้มีอำนาจสำคัญอย่าง Hank Paulson, Ben Bernanke, และ Tim Geithner

  • แสดงให้เห็นถึงผลกระทบแบบโดมิโน่จากการล้มของธนาคารและการช่วยเหลือด้วยเงินทุนฉุกเฉิน


บทเรียนสำคัญ :

  • “คำว่า ‘Too Big to Fail’ สะท้อนถึงความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risk)” ธนาคารหรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก

  • “การวางแผนรับมือวิกฤตเป็นสิ่งจำเป็นในทุกสถาบันการเงิน” การเตรียมตัวล่วงหน้าช่วยลดความเสียหายและเสถียรภาพตลาด

  • “ตลาดขึ้นอยู่กับ ‘ความเชื่อมั่น’ และ ‘สภาพคล่อง’ เป็นหลัก” เมื่อความเชื่อมั่นลดลง ตลาดจะผันผวนและอาจล่มสลายได้อย่างรวดเร็ว


8. Rogue Trader (1999)

ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องจริงของ Nick Leeson เทรดเดอร์ผู้ทำให้ธนาคารบาริงส์ล่มสลาย ด้วยการปกปิดขาดทุนมหาศาลจากการเทรดอนุพันธ์โดยไม่ได้รับอนุญาต


เหตุผลที่ควรดู:

  • เรื่องราวเตือนใจที่เข้มข้นเกี่ยวกับ การบริหารความเสี่ยงและความรับผิดชอบ

  • แสดงให้เห็นว่า เทรดเดอร์คนเดียวสามารถสร้างผลกระทบระดับโลกได้

  • เน้นย้ำความสำคัญของ การควบคุมและตรวจสอบภายในห้องเทรด


บทเรียนสำคัญ :

  • “ความโปร่งใสและกฎระเบียบเป็นหัวใจสำคัญของการซื้อขายที่ปลอดภัย” การเปิดเผยข้อมูลและการกำกับดูแลช่วยลดความเสี่ยงผิดพลาด

  • “นักเทรดที่ผิดพลาดเพียงคนเดียว สามารถทำลายความเชื่อมั่นที่สะสมมากว่าศตวรรษได้” ความเสี่ยงจากพฤติกรรมบุคคลหนึ่งอาจสร้างความเสียหายมหาศาล

  • “การเปิดรับความเสี่ยงโดยไม่มีการควบคุมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น” ทุกการลงทุนต้องมีการประเมินและจำกัดความเสี่ยงอย่างเหมาะสม


9. Enron: The Smartest Guys in the Room (2005)

สารคดีที่เปิดโปงคดีทุจริตของบริษัทเอ็นรอน หนึ่งในคดีฉ้อโกงทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารใช้ช่องโหว่ในบัญชีและกลยุทธ์หลอกลวงเพื่อให้บริษัทดูมีกำไร


เหตุผลที่ควรดู:

  • อธิบายว่าการบัญชีเชิงสร้างสรรค์ (Creative Accounting) และการฉ้อโกงบริษัทสามารถหลอกลวงนักลงทุนได้อย่างไร

  • ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาทของ ผู้ตรวจสอบบัญชี (Auditors), ธนาคาร, และนักวิเคราะห์ ที่มีส่วนทำให้การทุจริตดำเนินต่อไป

  • หนังเรื่องนี้ยังถูกใช้เป็นกรณีศึกษาในหลักสูตรทางการเงินและธุรกิจทั่วโลก


บทเรียนสำคัญ :

  • “งบการเงินไม่ได้โปร่งใสเสมอไป” นักลงทุนต้องมีวิจารณญาณและตั้งคำถามเสมอ

  • “อย่ามองแค่ตัวเลข แต่ต้องเข้าใจโมเดลธุรกิจจริงๆ” ธุรกิจที่ดีต้องมีพื้นฐานและแผนธุรกิจที่ชัดเจน

  • “ความไว้วางใจของนักลงทุนถูกทำลายได้ง่าย และยากที่จะสร้างกลับคืนมา” การสูญเสียความเชื่อมั่นส่งผลกระทบยาวนานต่อบริษัทและตลาด


10. The Wolf of Wall Street (2013)

สร้างจากบันทึกชีวิตของ Jordan Belfort นายหน้าหุ้นผู้บริหารแผนหลอกลวงแบบ Pump and Dump ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์


เหตุผลที่ควรดู:

  • ถ่ายทอดภาพความโลภ ความฟุ่มเฟือย และการบิดเบือนตลาดอย่างเข้มข้น

  • เจาะลึกเส้นบางๆ ระหว่างความทะเยอทะยานกับอาชญากรรมทางการเงิน

  • ให้บทเรียนเกี่ยวกับพลังของการชักจูง ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งเครื่องมือสร้างความสำเร็จและอันตราย


บทเรียนสำคัญ :

  • “การกำกับดูแลและตรวจสอบจากหน่วยงานเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาตลาดที่มีจริยธรรม”

  • “ทักษะการขายสามารถสร้างหรือทำลายความมั่งคั่ง ขึ้นอยู่กับเจตนา”

  • “ความโลภที่ไม่ได้รับการควบคุม จะทำลายทุกอย่าง — รวมถึงตัวคุณเอง”


ข้อคิดที่ได้จากหนังเหล่านี้

หัวข้อ ข้อคิด
ความโลภ vs จริยธรรม ความโลภที่ไม่ได้รับการควบคุมนำไปสู่การล่มสลาย
การจัดการความเสี่ยง การกำกับดูแลที่ไม่ดีทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่
จิตวิทยาการตลาด ความหวาดกลัวและความสุขทำให้เกิดฟองสบู่และการชนกัน
นวัตกรรมทางการเงิน เครื่องมือที่ซับซ้อนต้องมีการควบคุมอย่างรอบคอบ
ความรับผิดชอบ นักลงทุนทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตามจริยธรรม


บทสรุป


สรุปแล้ว หนังการเงินไม่ได้มีไว้แค่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนชั้นเยี่ยมในเรื่องพฤติกรรม ตลาด และกลยุทธ์ ไม่ว่าคุณจะเริ่มลงทุนด้วยเงิน 100 ดอลลาร์แรก หรือบริหารพอร์ตมูลค่าหลายล้าน ทุกเรื่องราวล้วนมีบทเรียนที่ควรศึกษา


ดังนั้น เตรียมป๊อปคอร์นให้พร้อม — และพกสมุดบันทึกติดมือไปด้วย — แล้วดื่มด่ำกับบทเรียนล้ำค่าที่โลกภาพยนตร์สามารถมอบให้ได้เท่านั้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ


วิธีการเทรดตามกลยุทธ์ Break และ Retest เหมือนมืออาชีพ

วิธีการเทรดตามกลยุทธ์ Break และ Retest เหมือนมืออาชีพ

ต้องการซื้อขายแบบ breakout ให้ประสบความสำเร็จหรือไม่ เรียนรู้วิธีการ breakout และทดสอบซ้ำที่มืออาชีพใช้เพื่อรับการซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูงพร้อมความเสี่ยงที่ลดลง

2025-06-19
ตัวบ่งชี้ปริมาณตัวใดดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย?

ตัวบ่งชี้ปริมาณตัวใดดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย?

สำรวจตัวบ่งชี้ปริมาณอันทรงพลัง 5 ตัว ได้แก่ OBV, VWAP, A/D Line, CMF และ Volume Profile เพื่อปรับปรุงการยืนยันแนวโน้มและจังหวะเวลาการซื้อขาย

2025-06-19
XTIUSD: ราคาของน้ำมันจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์หรือไม่?

XTIUSD: ราคาของน้ำมันจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์หรือไม่?

ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์กำลังสร้างผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน ค้นหาว่า XTIUSD จะยังคงไต่ระดับต่อไปหรือไม่ และเทรดเดอร์ที่ชาญฉลาดควรทำอย่างไรต่อไป

2025-06-19