เข้าใจรูปแบบการเทรด VCP ด้วยคู่มือสำหรับมือใหม่ฉบับนี้ เรียนรู้วิธีเทรดตามรูปแบบ Volatility Contraction Pattern เพื่อโอกาสทำกำไรอย่างมหาศาล
ในการเทรดการรู้จักและจดจำรูปแบบกราฟที่ทรงพลังได้ อาจเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างการพลาดโอกาสกับการคว้ากำไรครั้งใหญ่ หนึ่งในรูปแบบเหล่านั้นคือ VCP Pattern (Volatility Contraction Pattern) ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากเทรดเดอร์สายเติบโตและโมเมนตัม เนื่องจากเป็นรูปแบบที่ให้ความเสี่ยงต่ำแต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง
รูปแบบ VCP ได้รับความนิยมจาก Mark Minervini เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ซึ่งได้นำเสนอรูปแบบนี้เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าซื้อได้ในจุดที่ราคากำลังจะพุ่งแรง
ในบทความนี้เราจะพาคุณทำความเข้าใจว่า VCP คืออะไร ทำงานอย่างไร ทำไมจึงสำคัญ และคุณจะสามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรดเพื่อโอกาสทำกำไรก้อนใหญ่ได้อย่างไร
VCP Pattern (Volatility Contraction Pattern) หรือรูปแบบการหดตัวของความผันผวน เป็นรูปแบบกราฟที่แสดงถึงการลดลงของความผันผวนของราคาขณะที่หุ้น (หรือสินทรัพย์อื่น) กำลังสร้างฐานราคา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าปริมาณขายเริ่มลดลง และหากยังมีแรงซื้อที่แข็งแกร่งอยู่ การเบรกเอาต์ก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น
รูปแบบนี้ประกอบด้วยชุดของการแกว่งตัวของราคาที่แคบลงเรื่อย ๆ โดยแต่ละรอบจะมีขนาดเล็กลงกว่ารอบก่อนหน้า ปริมาณการซื้อขายมักจะลดลงตามลำดับ และจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อเกิดการเบรกเอาต์ ซึ่งบ่อยครั้งนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาขาขึ้นที่รุนแรง โดยเฉพาะหากเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มขาขึ้นใหญ่
คุณสมบัติที่สำคัญ :
ฐานราคาหรือช่วงสะสมตัว
มีการหดตัวของราคาหลายรอบ (pullback แคบลงเรื่อย ๆ)
ปริมาณซื้อขายลดลงในแต่ละรอบ
มีแนวรับอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลัก
เบรกเอาต์ด้วยปริมาณซื้อขายที่พุ่งขึ้น
1. การสร้างฐานรอบแรก
หลังจากราคาขึ้นแรง หุ้นจะเข้าสู่ช่วงสะสมตัว โดยราคาจะมีการแกว่งตัวกว้าง ช่วงเวลานี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
2. เริ่มมีการหดตัว
ราคาจะดึงกลับลง และฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง แต่การดึงกลับในรอบถัดไปจะมีขนาดเล็กลง วนซ้ำหลายรอบ (ปกติ 3–5 ครั้ง)
การหดตัวแต่ละรอบควรมีลักษณะ:
จุดต่ำสูงขึ้น
จุดสูงต่ำลง
ปริมาณซื้อขายลดล
3. ปริมาณแห้งเหือด (Volume Dry-Up หรือ VDU)
ก่อนเกิดการเบรกเอาต์ ปริมาณการซื้อขายควรลดลงมาก สะท้อนว่าแรงขายแทบไม่มีแล้ว
4. จุดเบรกเอาต์
ราคามักเบรกเอาต์เหนือยอดล่าสุดของการหดตัวรอบสุดท้าย โดยต้องมี:
ปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ราคาทะลุแนวต้าน
มีสัญญาณยืนยันจากอินดิเคเตอร์อื่น เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตัดกัน
แม้รูปแบบการสะสมตัวลักษณะนี้จะมีมานานแล้วในโลกของวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่คำว่า VCP ได้รับความนิยมและถูกตั้งชื่อโดย Mark Minervini เทรดเดอร์แชมป์ระดับประเทศของสหรัฐฯ และผู้เขียนหนังสือ Trade Like a Stock Market Wizard
Minervini ใช้ VCP เป็นส่วนหนึ่งของระบบ SEPA (Specific Entry Point Analysis) ที่เน้น:
การเทรดหุ้นที่เป็นผู้นำของตลาด
ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คุมได้
การเข้าซื้อก่อนที่ราคาจะพุ่งแรง
ความสำเร็จของเขาที่มีผลตอบแทนระดับสามหลักต่อปี ทำให้ VCP กลายเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดสายโมเมนตัม สวิง และตำแหน่ง
โดยพื้นฐานแล้วรูปแบบ VCP สะท้อนถึงการดึงดันทางจิตวิทยาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ในช่วงแรกของการสะสมตัว ความผันผวนยังสูง เพราะผู้ขายยังคงทำกำไรหรือเทขาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป แรงขายจะลดลง และผู้ซื้อเริ่มเข้าซื้อที่ราคาต่ำกว่ารอบก่อน
ผลที่เกิดขึ้นคือ การดึงกลับแต่ละครั้งสั้นลง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของหุ้น สุดท้ายเมื่อแรงขายแทบไม่เหลืออยู่ และมีแรงกระตุ้นจากข่าวหรือกำไร บริษัทก็สามารถเกิดการเบรกเอาต์ที่รุนแรงได้
Minervini เรียกกระบวนการนี้ว่า “การบีบสปริงให้ตึง” และเมื่อถึงจุดหนึ่งสปริงที่ถูกบีบไว้ก็จะดีดตัวแรง
ขั้นที่ 1: มองหารูปแบบฐานราคา
เลือกหุ้นที่แข็งแกร่งและกำลังสะสมตัวหลังจากขึ้นมาแรง โดยดูจากกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์
ควรมี:
การเคลื่อนไหวด้านข้างเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ระดับการสนับสนุนและการต้านทานที่กำหนดไว้
ขั้นที่ 2: ระบุการหดตัว
ลากเส้นแนวนอนไว้ที่ยอดและฐานของแต่ละการหดตัว การหดตัวแต่ละรอบควรแคบลงเรื่อยๆ
ขั้นที่ 3: เฝ้าดูแนวโน้มของปริมาณซื้อขาย
ปริมาณควรลดลงในช่วงการหดตัว โดยเฉพาะก่อนเบรกเอาต์ ควรเห็นปริมาณต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ (VDU)
ขั้นที่ 4: เข้าเทรดเมื่อเกิดเบรกเอาต์
วางจุดเข้าซื้อไว้เหนือยอดของการหดตัวล่าสุด รอให้เกิด:
แท่งเบรกเอาต์ที่มีปริมาณซื้อขายสูง
ราคาปิดทะลุแนวต้านชัดเจน
ขั้นที่ 5: ตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss)
วาง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าฐานของการหดตัวรอบสุดท้ายเล็กน้อย เพื่อควบคุมความเสี่ยง
ขั้นที่ 6: ปล่อยให้เทรนด์ทำงาน
เมื่อเข้าซื้อแล้ว ให้บริหารตำแหน่งด้วย:
Trailing Stop
ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10/21/50 วัน
การทยอยขายบางส่วนเมื่อราคาถึงเป้าหมายตามอัตราเสี่ยง/ผลตอบแทน เช่น 1:2 หรือ 1:3
เหมาะกับ:
ตลาดขาขึ้น
ช่วงเบรกเอาต์หรือการต่อเนื่องของเทรนด์
กลุ่มอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง
หุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงหรือโมเมนตัมแรง
ไม่เหมาะกับ:
ตลาดขาลง
หุ้นที่ผันผวนมากหรือไม่มีสภาพคล่อง
ช่วงที่ราคาขยับในกรอบแคบโดยไม่มีแรงซื้อจากสถาบัน
ลองพิจารณาหุ้นอย่าง Nvidia (NVDA) หลังจาก NVDA ขึ้นแรงจากข่าวผลประกอบการเกี่ยวกับ AI ราคาหยุดพักและเข้าสู่ช่วงสะสมตัวนาน 6 สัปดาห์:
สัปดาห์ที่ 1–2: ราคาลดลง 15% พร้อมปริมาณการซื้อขายสูง
สัปดาห์ที่ 3–4: ลดลงเพียง 8% โดยมีปริมาณที่ลดลง
สัปดาห์ที่ 5–6: Pullback เหลือเพียง 4% และปริมาณต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
ในสัปดาห์ที่ 7 NVDA เบรกเอาต์จากฐานด้วยปริมาณ 3 เท่าจากปกติ หลังรายงานกำไรดีกว่าคาด ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น 30% ในเวลาเพียง 10 วัน ถือเป็นตัวอย่าง VCP ที่สมบูรณ์แบบ
แม้ VCP จะให้ความเสี่ยงต่ำเมื่อใช้อย่างถูกต้อง แต่ก็มีข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ได้แก่:
เข้าเร็วเกินไป
บางคนรีบซื้อก่อนเกิดเบรกเอาต์จริง ทำให้ติดดอยหรือต้องเผชิญกับการหดตัวอีกหลายรอบ
มองข้ามปริมาณ
หากไม่มีปริมาณยืนยัน การเบรกเอาต์มักล้มเหลว ต้องดูปริมาณเฉลี่ยเป็นสำคัญ
ตั้ง Stop Loss กว้างเกินไป
หากจุดตัดขาดทุนไม่รัดกุม ก็เสียเปรียบด้านความเสี่ยง/ผลตอบแทน
ไม่รอให้หดตัวอย่างน้อย 2–3 รอบ
การเข้าเทรดหลังเพียงการ Pullback ครั้งเดียวอาจยังไม่ใช่ VCP ที่แท้จริง
VCP Pattern ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่เป็นเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องในหลากหลายสภาวะตลาด
ด้วยการโฟกัสที่การสะสมตัวแคบลง แนวโน้มของปริมาณ และเบรกเอาต์ที่ชัดเจน ผู้ที่ใช้ VCP อย่างถูกต้องจะสามารถเข้าสู่การเทรดที่มีโอกาสทำกำไรสูงด้วยความเสี่ยงต่ำอย่างมีระบบ
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เจาะลึก ทำไม Fed ลดดอกเบี้ย จึงสำคัญ พร้อมอัปเดตอัตราดอกเบี้ยล่าสุด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ, และปัจจัยที่ต้องจับตา ก่อนเริ่มทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง
2025-07-21เรียนรู้วิธีการวัด ควบคุม และจัดการความเสี่ยงจากการเก็งกำไรในการซื้อขายโดยใช้เครื่องมือ กลยุทธ์ และการป้องกันทางจิตวิทยาที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
2025-07-21หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้น 188% นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า Opendoor Stock จะเป็นอย่างไรต่อไป มาดูกันว่าควรซื้อ ถือ หรือขาย ท่ามกลางความผันผวนของตลาดในปัจจุบัน
2025-07-21