ทำความเข้าใจประเภทของเลเวอเรจในการเทรด

2025-07-21
สรุป

สำรวจประเภทของเลเวอเรจในการเทรด วิธีการทำงานของแต่ละประเภท และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนนำเลเวอเรจมาใช้ในกลยุทธ์การลงทุนของคุณ

ในการเทรดเลเวอเรจหมายถึงการใช้เงินทุนที่ยืมมาเพื่อเพิ่มขนาดของสถานะการลงทุนให้มากกว่าที่เงินทุนของตนเองจะรองรับได้ตามปกติ เลเวอเรจเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงตลาดได้มากขึ้น โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย ข้อได้เปรียบหลักของเลเวอเรจคือโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน


ก่อนจะลงลึกในประเภทต่าง ๆ ของเลเวอเรจในการเทรด สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า เลเวอเรจสามารถขยายผลกำไรได้ก็จริง แต่ก็สามารถขยายความสูญเสียได้เช่นเดียวกัน ด้วยลักษณะสองด้านนี้ เลเวอเรจจึงเป็นเครื่องมือที่ทั้งทรงพลังและมีความเสี่ยงในเวลาเดียวกันสำหรับเทรดเดอร์


เหตุผลที่ต้องเข้าใจเรื่องเลเวอเรจ

การเทรดแบบเลเวอเรจ

เลเวอเรจถือเป็นหัวใจสำคัญของทั้งการเงินแบบดั้งเดิมและการเทรด เพราะช่วยให้นักลงทุนรายบุคคลหรือสถาบันสามารถเข้าถึงสถานะการลงทุนที่เกินกว่าทุนที่มีอยู่ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากมีเลเวอเรจ 10:1 เทรดเดอร์สามารถควบคุมสถานะมูลค่า £10,000 ได้ด้วยเงินทุนของตนเองเพียง £1,000 ส่วนที่เหลืออีก £9,000 ยืมมาจากโบรกเกอร์หรือสถาบันการเงิน


การเข้าใจประเภทของเลเวอเรจจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะตัว ระดับความเสี่ยง และข้อกำหนดทางกฎหมายที่แตกต่างกัน หากเลือกผิดประเภทหรือใช้อย่างไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรุนแรง


4 ประเภทของเลเวอเรจในการเทรด

ประเภทของเลเวอเรจ

1) เลเวอเรจแบบมาร์จิ้น (Margin Leverage)


เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุดในหมู่เทรดเดอร์รายย่อย เมื่อเปิดสถานะที่ใช้เลเวอเรจในแพลตฟอร์มการเทรด เทรดเดอร์กำลังใช้ “มาร์จิ้น” หมายถึงการวางเงินประกันเพียงส่วนหนึ่งของมูลค่าการเทรด และยืมส่วนที่เหลือจากโบรกเกอร์


เลเวอเรจแบบมาร์จิ้นนิยมใช้ในตลาดฟอเร็กซ์ CFD และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยอัตราเลเวอเรจจะบอกถึงขนาดของการเปิดสถานะเทียบกับเงินประกันที่วางไว้ แม้จะเปิดสถานะขนาดใหญ่ได้ด้วยเงินทุนจำนวนน้อย แต่ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกมาร์จิ้นเพิ่มหรือถูกบังคับปิดสถานะ



2) เลเวอเรจทางการเงิน (Financial Leverage)


เลเวอเรจประเภทนี้หมายถึงการใช้หนี้สินของบริษัทหรือของนักลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ตัวอย่างเช่น บริษัทอาจกู้ยืมเงินเพื่อขยายธุรกิจหรือซื้อสินทรัพย์ โดยหวังว่าผลตอบแทนที่ได้จะมากกว่าต้นทุนดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย


ในมุมของการลงทุนในหุ้น นักลงทุนมักประเมินเลเวอเรจทางการเงินของบริษัทเพื่อดูว่าบริษัทใช้หนี้เชิงรุกมากเพียงใด หากภาวะตลาดเอื้ออำนวยเ ลเวอเรจนี้สามารถเพิ่มผลกำไรได้อย่างมาก แต่ในช่วงขาลง ก็สามารถขยายความเสี่ยงได้เช่นกัน


3) เลเวอเรจเชิงปฏิบัติการ (Operational Leverage)


เป็นแนวคิดในเชิงวิเคราะห์งบการเงินของบริษัท โดยดูจากโครงสร้างต้นทุนของบริษัท โดยเฉพาะสัดส่วนของต้นทุนคงที่เทียบกับต้นทุนผันแปร หากบริษัทมีต้นทุนคงที่สูง รายได้ที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้กำไรเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


แม้เทรดเดอร์จะไม่ใช้เลเวอเรจประเภทนี้โดยตรงในการเทรด แต่เลเวอเรจเชิงปฏิบัติการมีผลต่อความแข็งแกร่งทางการเงินและความเสี่ยงของบริษัท หุ้นของบริษัทที่มีเลเวอเรจลักษณะนี้สูง มักมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ซึ่งควรคำนึงถึงเมื่อตัดสินใจลงทุน


4) เลเวอเรจแฝง (Embedded Leverage)


เลเวอเรจประเภทนี้ฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางชนิด เช่น ETF แบบมีเลเวอเรจ ออปชัน และฟิวเจอร์ส โดยให้การเปิดรับตลาดในระดับขยายโดยไม่ต้องยืมเงินด้วยตนเอง


อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจแฝงอาจสร้างความเข้าใจผิด โดยเฉพาะในกลุ่มเทรดเดอร์มือใหม่ เช่น ETF ที่มีเลเวอเรจ 2 เท่า มีเป้าหมายเพิ่มผลตอบแทนรายวันเป็น 2 เท่าของดัชนีอ้างอิง แต่ในระยะยาว ผลตอบแทนจริงอาจไม่เป็นไปตามคาดเนื่องจากผลของความผันผวนและการทบต้น การเข้าใจความเสี่ยงของเลเวอเรจประเภทนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น


กรอบกำกับดูแลเกี่ยวกับเลเวอเรจ


เลเวอเรจแต่ละประเภทอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป หน่วยงาน เช่น FCA และ ESMA ได้กำหนดขีดจำกัดของเลเวอเรจเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มากเกินไป ซึ่งมักขึ้นอยู่กับความผันผวนของสินทรัพย์ที่เทรด เช่น สกุลเงินดิจิทัลจะมีขีดจำกัดที่เข้มงวดกว่า


สำหรับนักลงทุนสถาบัน แม้อาจสามารถเข้าถึงเลเวอเรจในระดับสูงกว่า แต่ก็คาดหวังให้มีความรู้ความเข้าใจและความสามารถในการบริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ ดังนั้นจึงควรศึกษาเงื่อนไขและข้อจำกัดที่โบรกเกอร์หรือกฎหมายในแต่ละเขตกำหนดไว้ให้ชัดเจน


วิธีเลือกใช้เลเวอเรจให้เหมาะสม

ประเภทของเลเวอเรจ

ประเภทของเลเวอเรจที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเทรด สินทรัพย์ที่ลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และประสบการณ์ของผู้เทรด เช่น เทรดเดอร์สายเก็งกำไรในระยะสั้นอาจเลือกใช้เลเวอเรจแบบมาร์จิ้น ส่วนผู้ลงทุนระยะยาวอาจให้ความสำคัญกับเลเวอเรจทางการเงินหรือเชิงปฏิบัติการของบริษัท


ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด การเข้าใจว่าประเภทต่าง ๆ ของเลเวอเรจส่งผลต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงอย่างไร จะช่วยให้สามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


สรุป


การทำความเข้าใจประเภทของเลเวอเรจในการเทรดถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเลเวอเรจแบบมาร์จิ้น ทางการเงิน เชิงปฏิบัติการ หรือเลเวอเรจแฝง แต่ละประเภทล้วนมีข้อดี ความเสี่ยง และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน


หากใช้เลเวอเรจโดยขาดความเข้าใจ อาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็ว แต่หากใช้ด้วยความระมัดระวังและมีความรู้ เลเวอเรจก็สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเทรดและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเลเวอเรจแต่ละประเภททำงานอย่างไรและเหมาะกับสถานการณ์ใด คุณจะสามารถเทรดได้ด้วยความมั่นใจและควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

ส่องสัญญาณ Fed ลดดอกเบี้ย  มีนัยยะต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร

ส่องสัญญาณ Fed ลดดอกเบี้ย มีนัยยะต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร

เจาะลึก ทำไม Fed ลดดอกเบี้ย จึงสำคัญ พร้อมอัปเดตอัตราดอกเบี้ยล่าสุด ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ, และปัจจัยที่ต้องจับตา ก่อนเริ่มทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง

2025-07-21
ความเสี่ยงจากการเก็งกำไร: ดาบสองคมแห่งการซื้อขาย

ความเสี่ยงจากการเก็งกำไร: ดาบสองคมแห่งการซื้อขาย

เรียนรู้วิธีการวัด ควบคุม และจัดการความเสี่ยงจากการเก็งกำไรในการซื้อขายโดยใช้เครื่องมือ กลยุทธ์ และการป้องกันทางจิตวิทยาที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

2025-07-21
อะไรที่ทำให้ IEMG ETF แตกต่างจากกองทุน EM อื่นๆ?

อะไรที่ทำให้ IEMG ETF แตกต่างจากกองทุน EM อื่นๆ?

สำรวจสิ่งที่ทำให้ IEMG ETF แตกต่างจากกองทุนตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ตั้งแต่โครงสร้างและการถือครองไปจนถึงการเข้าถึงและการมุ่งเน้นการลงทุน

2025-07-21
0.404884s