简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มใช้ Automated Trading

เผยแพร่เมื่อ: 2025-07-10    อัปเดตเมื่อ: 2025-07-11

การเทรดอัตโนมัติ (Automated Trading) หรือการให้ซอฟต์แวร์ซื้อขายแทนเราระหว่างที่เราหลับ เป็นแนวคิดที่ดึงดูดใจทั้งนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยการตั้งค่าคำสั่งล่วงหน้าระบบสามารถทำงานแทนเราได้โดยไม่ต้องควบคุมด้วยมือ จึงไม่น่าแปลกใจที่วิธีนี้จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาด Forex หุ้น และคริปโต แต่ก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกของการเทรดอัตโนมัติ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้ “ทำอะไรได้” และ “ยังทำอะไรไม่ได้” บ้าง


ไม่ว่าคุณจะกำลังลองใช้บอทเทรดแบบง่าย ๆ หรือกำลังสนใจกลยุทธ์แบบอัลกอริทึมที่ซับซ้อน ความเป็นจริงของระบบนี้ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคิด การเทรดอัตโนมัติไม่ใช่ทางลัดสู่ความมั่งคั่ง แม้มันจะช่วยเพิ่มความเร็วและความสม่ำเสมอในการซื้อขาย แต่ก็มีความเสี่ยงที่คุณไม่ควรมองข้าม


ก่อนจะฝากเงินทุนไว้กับระบบใด ๆ ลองศึกษาประเด็นสำคัญ 4 ข้อนี้ให้เข้าใจก่อน เพื่อให้การตัดสินใจของคุณมีข้อมูลรองรับอย่างรอบด้าน


1) Automated Trading ไม่ได้มีคุณภาพเท่ากันทั้งหมด

การเทรดอัตโนมัติ

การเทรดอัตโนมัติครอบคลุมกลยุทธ์และเครื่องมือที่หลากหลาย ตั้งแต่ปลายด้านหนึ่งที่เป็นบอทแบบตั้งกฎง่าย ๆ ซึ่งอิงกับอินดิเคเตอร์พื้นฐาน เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือสัญญาณจาก RSI บอทเหล่านี้มักวางตลาดให้กับนักลงทุนรายย่อย และสามารถซื้อหรือดาวน์โหลดได้จากแพลตฟอร์มเทรดต่าง ๆ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือระบบระดับสถาบันที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) การประมวลผลความถี่สูง (High-Frequency Execution) และการเข้าถึงตลาดโดยตรง (Direct Market Access) เพื่อดำเนินการซื้อขายนับพันครั้งต่อวินาที


ประสิทธิภาพของระบบเทรดอัตโนมัติใด ๆ ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการทดสอบที่ดี กลยุทธ์ที่ใช้งานได้ดีในสภาวะตลาดหนึ่ง อาจล้มเหลวในอีกสภาวะหนึ่ง หลายระบบถูกสร้างขึ้นจากข้อมูลย้อนหลัง (Backtesting) ซึ่งแม้จะมีประโยชน์ แต่หากข้อมูลถูกปรับให้เข้ากับผลลัพธ์มากเกินไป หรือมองข้ามความเสี่ยงหลักของตลาด ก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ทำให้เข้าใจผิดได้


นักเทรดควรระมัดระวังระบบที่ให้ผลตอบแทนเกินจริง หรือมีประวัติย้อนหลังที่ไร้ที่ติ เพราะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้แต่กลยุทธ์ที่ซับซ้อนที่สุดก็ต้องสามารถปรับตัวได้ มิฉะนั้นอาจประสบปัญหาผลตอบแทนลดลง


2) แม้เป็นระบบอัตโนมัติ ก็ยังต้องคอยเฝ้าระวัง

การเทรดอัตโนมัติ

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือการคิดว่าระบบเทรดอัตโนมัติสามารถทำงานได้แบบไม่ต้องดูแลเลย ในความเป็นจริง แม้ซอฟต์แวร์จะจัดการเรื่องการส่งคำสั่งซื้อขาย แต่ความรับผิดชอบในการบริหารจัดการกลยุทธ์ยังคงอยู่ที่ตัวนักเทรด ระบบอัตโนมัติอาจเกิดข้อขัดข้อง ทำงานผิดพลาด หรือเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ไม่สมบูรณ์ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เฝ้าดู อาจก่อให้เกิดการขาดทุนโดยไม่คาดคิด


โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง การเคลื่อนไหวของราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ระบบที่ขาดกลไกป้องกัน เช่น คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-Loss) การจำกัดขนาดสถานะ หรือระบบบริหารความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ อาจทำให้ขาดทุนรุนแรงมากขึ้นแทนที่จะช่วยควบคุมความเสี่ยง ดังนั้น นักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะเฝ้าติดตามระบบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่มีเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญ หรือในช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ


นอกจากนี้ การอัปเดตหรือปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงก็มีความสำคัญ ระบบที่ออกแบบมาสำหรับตลาดแบบมีแนวโน้ม อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หากไม่ปรับกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ แม้แต่ระบบที่ดีที่สุดก็อาจล้าสมัยได้


3) ความเร็วเป็นข้อได้เปรียบ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง

การเทรดอัตโนมัติ

หนึ่งในจุดเด่นของการเทรดอัตโนมัติคือ “ความเร็ว” อัลกอริทึมที่เขียนมาอย่างดีสามารถเปิดหรือปิดสถานะได้ภายในเสี้ยววินาที เร็วกว่าที่มนุษย์จะทำได้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในกลยุทธ์ที่ต้องใช้จังหวะ เช่น การเก็งกำไรระยะสั้น (Scalping) หรือการทำกำไรจากส่วนต่างราคา (Arbitrage)


อย่างไรก็ตาม ความเร็วเพียงอย่างเดียวไม่ได้รับประกันความสำเร็จ ตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และข้อได้เปรียบจากการเร็วกว่าคนทั่วไปก็กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีระบบจัดการคำสั่งอัจฉริยะ และสภาพแวดล้อมการเทรดที่รวดเร็วที่สุดก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานระดับสูง


นักลงทุนรายย่อยที่ใช้ระบบอัตโนมัติทั่วไปจึงไม่สามารถแข่งขันกับกองทุนหรือบริษัทเทรดระดับมืออาชีพได้โดยตรง ดังนั้น แทนที่จะหมกมุ่นกับความเร็วในระดับมิลลิวินาที ควรให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของกลยุทธ์” “การบริหารความเสี่ยง” และ “ความสามารถในการปรับตัว” มากกว่า


การเทรดอัตโนมัติควรถูกมองว่าเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “สูตรลับ” จุดแข็งที่แท้จริงคือความสม่ำเสมอ อัลกอริทึมไม่มีอารมณ์ ไม่รู้จักความกลัวหรือความโลภ และไม่เหนื่อยล้า ทำให้ลดความผิดพลาดจากอารมณ์ในการเทรดได้ดี ซึ่งสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ความสม่ำเสมอ อาจมีค่ามากกว่าความเร็วเสียอีก


4) กฎระเบียบ ความโปร่งใส และการรองรับของโบรกเกอร์มีความสำคัญ


ก่อนเริ่มใช้กลยุทธ์เทรดอัตโนมัติใด ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าระบบนั้นปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง หรือไม่ในบางประเทศมีกฎที่ควบคุมการเทรดความถี่สูง (High-Frequency Trading) หรืออาจกำหนดให้ผู้ใช้ระบบอัตโนมัติกับเงินของลูกค้าต้องลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ บางตลาดยังต้องการเอกสารอธิบายการทำงานของอัลกอริทึมอย่างชัดเจน หากระบบจะเชื่อมต่อกับตลาดโดยตรง


ความโปร่งใสก็เป็นประเด็นสำคัญเช่นกัน บอทเทรดสำหรับนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากมักไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโค้ดหรือหลักการภายใน ทำให้นักลงทุนต้องพึ่งพาระบบที่เปรียบเสมือน “Black Box” ที่ไม่สามารถเข้าใจหรือประเมินความเสี่ยงได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะขาดทุน


การรองรับจากโบรกเกอร์ก็มีผลต่อประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทุกแพลตฟอร์มที่สนับสนุนระบบเทรดอัตโนมัติ และถึงแม้จะรองรับก็อาจใช้ภาษาโปรแกรมหรือ API ที่ต่างกัน ความล่าช้าในการส่งคำสั่ง (Latency) คุณภาพการดำเนินคำสั่ง และเสถียรภาพของเซิร์ฟเวอร์ ต่างก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อผลลัพธ์ของกลยุทธ์อย่างมาก จึงควรทดลองระบบในบัญชีเดโมก่อนนำไปใช้จริง


สุดท้าย “คุณภาพของข้อมูล” เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามระบบเทรดอัตโนมัติพึ่งพาข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์เป็นหลัก หากข้อมูลที่ได้รับล่าช้าหรือผิดพลาด อัลกอริทึมอาจตัดสินใจผิดพลาดและนำไปสู่การเทรดที่ขาดทุนได้ การเชื่อมต่อข้อมูลคุณภาพสูงระหว่างระบบกับตลาดจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากต้องการสร้างระบบเทรดที่น่าเชื่อถืออย่างแท้จริง


สรุป


Automated Trading มอบข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเร็ว วินัยในการเทรด และความสามารถในการทดสอบแนวคิดโดยปราศจากอารมณ์เข้ามาแทรกแซง อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็ไม่ได้ปราศจากความท้าทาย ผู้เทรดต้องตระหนักว่าไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์แบบ และแม้แต่กลยุทธ์ที่ผ่านการทดสอบมาอย่างดี ก็สามารถล้มเหลวได้เมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง


การสร้างระบบเทรดอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยมากกว่าความสามารถด้านเทคนิคหรือการเขียนโปรแกรมเท่านั้น ผู้พัฒนาต้องเข้าใจโครงสร้างของตลาด หลักการบริหารความเสี่ยงที่มั่นคง และต้องติดตามระบบอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนที่มองว่าระบบอัตโนมัติคือทางลัดแบบไม่ต้องดูแล อาจผิดหวังได้ในระยะยาว ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ใช้ระบบนี้อย่างมีวินัย ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ที่รอบด้าน มักจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า


เมื่อเข้าใจข้อจำกัดและความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง การเทรดอัตโนมัติสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมกลยุทธ์การลงทุนโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูงในอนาคต


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
รู้จัก ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาศูนย์กลางการลงทุนของโลก
แนวโน้มตลาด Forex ปี 2024 สิ่งที่นักลงทุนควรเตรียมตัว
รางวัล Forex กุญแจสำคัญเสริมความน่าเชื่อถือโบรกเกอร์
sell to open และ sell to close: ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
วิธีใช้ MetaTrader 4: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น