ราคาทองคำจะยังพุ่งต่อหรือไม่? แนวโน้ม XAU/USD ปี 2025

ทองคำ (XAU/USD) ยังคงเป็นจุดสนใจของนักเทรดในปี 2025 โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเปลี่ยนแปลงของความคาดหวังเงินเฟ้อ นโยบายของธนาคารกลาง และความไม่แน่นอนในระดับโลก แม้ว่าข่าวเศรษฐกิจพื้นฐานจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงบ่อย แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เห็นทิศทางราคาชัดเจน ตั้งแต่รูปแบบกราฟที่สำคัญ อินดิเคเตอร์โมเมนตัม ไปจนถึงระดับแนวรับ-แนวต้าน ซึ่งการวิเคราะห์เหล่านี้จะช่วยให้เราคาดเดาทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์ข้างหน้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

รูปแบบกราฟและช่วงราคาที่สำคัญ

หนึ่งในจุดสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือการจับจุดช่วงราคาหลักที่ตลาดให้ความสนใจ กราฟล่าสุดแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 3,290 ถึง 3,375 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านชั่วคราวอยู่ที่ประมาณ 3,360 ดอลลาร์ และแนวรับอยู่บริเวณเหนือระดับ 3,310 ดอลลาร์ ราคาที่ระดับเหล่านี้ถูกทดสอบซ้ำหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าฝ่ายซื้อและฝ่ายขายต่างให้ความสำคัญกับระดับราคาเหล่านี้มาก

นอกจากนี้ ยังพบรูปแบบกราฟคลาสสิกอย่าง double tops และ bullish flags ในช่วงราคาดังกล่าว เช่น ราคาทองคำพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 3,375 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ถือว่าแข็งแกร่ง ขณะที่แนวรับที่ระดับ 3,290 ดอลลาร์ ก็ยังช่วยหนุนราคาเอาไว้ เพราะราคาพยายามจะหลุดลงต่ำกว่านี้หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ หากราคาปิดต่ำกว่าระดับนี้และมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้อย่างรวดเร็วในช่วงต่อไป

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และอินดิเคเตอร์โมเมนตัม

ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ยังคงเป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้ในการประเมินทิศทางแนวโน้ม โดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (Simple Moving Averages: SMA) 50 วัน และ 200 วัน มีความสำคัญอย่างมากในบริบทของราคาทองคำในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ XAU/USD ซื้อขายอยู่เหนือทั้งสองเส้นดังกล่าว หมายความว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาวยังคงอยู่ ขณะเดียวกัน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (Exponential Moving Average: EMA) 20 วันก็เคลื่อนไหวตามจังหวะการย่อตัวของราคาอย่างใกล้ชิด ทำหน้าที่เป็นแนวรับแบบไดนามิกที่ช่วยพยุงราคาขึ้นอยู่เสมอ

สำหรับอินดิเคเตอร์โมเมนตัม สัญญาณที่ปรากฏยังคงผสมผสานกันอยู่ ดัชนี RSI เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 60–70 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยังคงมีแรงซื้อที่แข็งแรง แม้จะเริ่มเข้าใกล้ภาวะซื้อมากเกินไป ขณะที่ Stochastic Oscillator แสดงการตัดกันของเส้นในโซนซื้อมากเกินไปหลายครั้ง ซึ่งอาจสะท้อนถึงภาวะอ่อนแรงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่เกิดสัญญาณ divergence หรือการหลุดแนวรับที่สำคัญ แนวโน้มขาขึ้นในภาพรวมยังถือว่าแข็งแรง และการพักฐานเหล่านี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวเพื่อไปต่อ มากกว่าจะเป็นสัญญาณว่าราคาจะกลับตัวลง

สถานการณ์ระหว่างการเบรกเอาท์กับการรวมตัวของราคา

ขณะนี้ราคาทองคำกำลังแกว่งตัวอยู่ระหว่างความพยายามในการเบรกเอาท์กับการเข้าสู่ช่วงรวมตัว หลังจากราคาปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาสที่ผ่านมา ตลาดเริ่มชะลอตัวลงและหยุดอยู่ใต้แนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,375 ดอลลาร์ ซึ่งบริเวณนี้กลายเป็นแนวบนของรูปแบบ Ascending Triangle ที่มักบ่งบอกถึงแนวโน้มการปรับขึ้นต่อไป

หากราคาสามารถทะลุและปิดเหนือระดับ 3,375 ดอลลาร์ได้ พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ก็อาจเกิดแรงซื้อหนุนเข้ามาและดันราคา XAU/USD ขึ้นไปยังโซน 3,430–3,450 ดอลลาร์ได้ แต่หากการเบรกเอาท์ล้มเหลว และราคาถูกปฏิเสธกลับลงมา ก็มีโอกาสที่จะเห็นการกลับไปทดสอบแนวรับในโซน 3,300–3,290 ดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการกลับทิศของแนวโน้ม แต่เป็นการสะสมแรงเพื่อเตรียมตัวปรับขึ้นในรอบถัดไป

ด้วยภาวะตลาดที่ยังไม่มีทิศทางชัดเจนเช่นนี้ ปัจจัยภายนอก เช่น การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ หรือคำแถลงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เร่งให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวแรงขึ้นในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

โครงสร้าง Wyckoff และคลื่น Elliott

หากนำหลักการของ Wyckoff มาประยุกต์ใช้กับ XAU/USD ในปัจจุบัน จะพบว่า ราคาทองคำอาจอยู่ในช่วงปลายของเฟสสะสม (Accumulation) หรืออาจเริ่มเข้าสู่ช่วงการปรับขึ้น (Markup Phase) หลังจากที่ราคารวมตัวในกรอบ 3,290–3,310 ดอลลาร์มาได้ระยะหนึ่ง ราคาก็เริ่มสร้าง “Higher Lows” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณของแรงซื้อสะสมจากนักลงทุนสถาบัน และการดีดตัวจากบริเวณนี้อาจเป็นการเข้าสู่ Phase D ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาจะเคลื่อนไปยังโซนแนวต้านหรือ Supply Zone แถว 3,375 ดอลลาร์

ในขณะเดียวกัน หากพิจารณาตามทฤษฎีคลื่น Elliott การปรับขึ้นล่าสุดอาจเป็นคลื่นลูกที่ 3 ของโครงสร้างคลื่น แบบ 5 คลื่น ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นคลื่นที่มีแรงและระยะการขึ้นมากที่สุด โดย Wave 2 ได้รับแรงหนุนจากแนวรับที่ระดับ 3,290 ดอลลาร์ และเป้าหมายของ Wave 3 อาจอยู่ที่ประมาณ 3,430 ดอลลาร์ ก่อนที่ราคาจะเริ่มพักตัวในคลื่นที่ 4 โดยมีแนวรับแถว ๆ 3,350–3,360 ดอลลาร์

ทั้งสองแนวคิดต่างก็สนับสนุนมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะกลาง แต่เงื่อนไขสำคัญคือตลาดจะต้องไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับ 3,290 ดอลลาร์ เพราะหากเกิดการหลุดระดับนี้ลงมาอย่างชัดเจน อาจทำให้โครงสร้างคลื่นหรือโครงสรค้าง Wyckoff ถูกยกเลิกและต้องประเมินทิศทางใหม่อีกครั้ง

แนวทางการเทรดสำหรับ Intraday และ Swing Trade

สำหรับนักเทรดที่เน้นการเก็งกำไรในกรอบเวลาสั้น ระดับราคาสำคัญในระหว่างวันเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยโซน 3,331–3,340 ดอลลาร์ถือเป็นพื้นที่ที่ราคามักมีการกลับตัวเล็กน้อย หรือเป็นจุดเปลี่ยนของแนวโน้มระยะสั้น หากสามารถทะลุผ่านระดับนี้ได้อย่างชัดเจน ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นต่อไปยังระดับ 3,360 ดอลลาร์ และหากแรงซื้อยังต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะเห็นการเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปถึง 3,375 ดอลลาร์

ในมุมของนักเทรดสาย Swing ระดับ 3,321 และ 3,310 ดอลลาร์เป็นแนวรับสำคัญที่ต้องจับตา หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่านี้ แนวรับถัดไปที่ 3,290 ดอลลาร์ จะกลายเป็นจุดชี้วัดว่าแนวโน้มขาขึ้นจะยังคงอยู่หรือเริ่มเข้าสู่การพักฐานที่ลึกยิ่งขึ้น

การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายยังชี้ให้เห็นถึงปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นบริเวณ 3,335 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจจากสถาบันและอาจเป็นจุดกลับเข้าซื้อของนักลงทุนรายใหญ่ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรพิจารณาใช้ระดับราคาดังกล่าวร่วมกับการยืนยันของออสซิลเลเตอร์ก่อนเข้าตำแหน่ง

สรุป

แนวโน้มราคาทองคำ (XAU/USD) ในปี 2025 ยังคงดูแข็งแกร่งจากมุมมองทางเทคนิค โดยราคายืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญหลายเส้น และรูปแบบกราฟต่าง ๆ ยังคงสนับสนุนทิศทางขาขึ้น แม้อินดิเคเตอร์ด้านโมเมนตัมจะเริ่มส่งสัญญาณให้ระวังแรงขายในระยะสั้น แต่ภาพรวมยังคงเป็นบวก และการที่ราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือระดับ 3,290 ดอลลาร์ได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งตอกย้ำโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นต่อในช่วงถัดไป ไม่ว่าจะเป็น Intraday, Swing Trade หรือผู้ที่ถือครองระยะยาว การวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยดูจากระดับราคา อินดิเคเตอร์ และโครงสร้างของกราฟ ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจทิศทางตลาดได้ชัดเจนมากขึ้น ท่ามกลางสภาวะที่ตลาดยังผันผวนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ