10 อันดับกองทุนรวมผลตอบแทนเหนือกว่า S&P 500

2025-05-23
สรุป

สำรวจ 10 อันดับ กองทุนรวมผลตอบแทนดีกว่าดัชนี S&P 500 ศึกษาว่ากองทุนใดมีผลงานดีในระยะยาว และทำไมกองทุนเหล่านี้จึงมีความโดดเด่น

S&P 500 เป็นดัชนีชี้วัดผลตอบแทนของหุ้นในสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี อย่างไรก็ตาม การทำผลตอบแทนให้ดีกว่าดัชนีนี้อย่างต่อเนื่องนั้นยากกว่า


ในปี 2024 มีเพียงประมาณ 10.5% ของกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่มีการจัดการแบบ active เท่านั้น ที่สามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่าผลตอบแทนของ S&P 500 ที่อยู่ที่ 24%


แม้จะมีโอกาสน้อยเช่นนี้ แต่ก็ยังมีกองทุนรวมผลตอบแทนดี หลายกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น และทำผลตอบแทนได้เหนือกว่า S&P 500 อย่างต่อเนื่อง


10 อันดับ กองทุนรวมผลตอบแทนดีกว่า S&P 500

Mutual Funds That Outperformed the S&P 500

1. Baron Partners Fund (BPTRX)

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีในช่วง 5 ปี: ประมาณ 20%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 1.55%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $2,000


กองทุน Baron Partners Fund บริหารโดยนักลงทุนที่มีชื่อเสียงอย่าง Ron Baron ซึ่งสามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 1,843% นับตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ที่อยู่ที่ 536% ในช่วงเวลาเดียวกัน ความสำเร็จของกองทุนนี้มาจากกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวที่เน้นไปที่บริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างมาก


ที่น่าสนใจคือ กองทุนนี้ถือหุ้น Tesla ในสัดส่วนถึง 35% ของพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกของ Ron Baron ต่ออนาคตของบริษัทนี้


2. T. Rowe Price Science & Technology Fund (PRSCX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 40.3%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.76%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $2,500


กองทุน T. Rowe Price Science & Technology มีผลงานดีกว่าดัชนี S&P 500 อย่างมากในปี 2024 โดยให้ผลตอบแทน 40.3% เมื่อเทียบกับดัชนีที่ 23% ผู้จัดการกองทุน Anthony Wang มองว่าความสำเร็จนี้เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น Meta, Alphabet, Microsoft, Apple และ Nvidia


กองทุนนี้เน้นการเติบโตของกำไร การประเมินมูลค่า และคุณภาพของหุ้น ทำให้เป็นหนึ่งในกองทุนที่ทำผลงานได้ดีในกลุ่มเทคโนโลยี


3. Permanent Portfolio Aggressive Growth Portfolio

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 28%

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 10 ปี: 13.28%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.89%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $1,000


กองทุน Permanent Portfolio Aggressive Growth Portfolio บริหารโดย Michael Cuggino ซึ่งแสดงผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 กองทุนทำผลตอบแทนได้ถึง 28% และผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีในช่วง 10 ปีอยู่ที่ 13.28% ซึ่งสูงกว่าดัชนี S&P 500 ที่ทำได้ 13.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน


กลยุทธ์ของกองทุนเน้นการกระจายการลงทุนอย่างหลากหลาย โดยมีสัดส่วนลงทุนที่สำคัญในภาคเทคโนโลยีและเลือกลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยส่งเสริมผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกองทุนนี้


4. Alger Focus Equity Fund (ALGRX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 51.8%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 1.28%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $1,000


กองทุน Alger Focus Equity Fund ทำผลตอบแทนได้อย่างน่าประทับใจที่ 51.8% ในปี 2024 ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ถึงสองเท่า กลยุทธ์ของกองทุนเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นใจสูงและมุ่งเน้นการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี


การมีพอร์ตการลงทุนที่เน้นจุดแข็งเฉพาะช่วยให้กองทุนสามารถจับโอกาสการเติบโตที่สำคัญได้อย่างเต็มที่


5. Fidelity Growth Company Fund (FDGRX)

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีใน 5 ปี: ประมาณ 18%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.79%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $2,500


กองทุน Fidelity Growth Company Fund มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย พอร์ตการลงทุนของกองทุนมีความหลากหลายครอบคลุมหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี สุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น


กระบวนการลงทุนที่มีวินัยและทีมผู้จัดการที่มีประสบการณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้กองทุนสามารถทำผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


6. AMG Yacktman Focused Fund (YAFFX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : ~29%

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีใน 5 ปี: ประมาณ 15.6%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.99%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $2,500


กองทุน AMG Yacktman Focused Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (value-based investing) โดยให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีคุณภาพสูงซึ่งมีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง


ผู้จัดการกองทุน สตีเฟ่น แย็คท์แมน มีประวัติที่แข็งแกร่งในการบริหารจัดการความผันผวนของตลาด ด้วยการวางตำแหน่งแบบป้องกันความเสี่ยงและการลงทุนแบบเน้นหุ้นบลูชิพที่ถูกประเมินค่าต่ำเกินไปอย่างเข้มข้น


7. JP Morgan Large Cap Growth Fund (OLGAX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 37.2%

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 3 ปี: 21.3%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.79%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $1,000


กองทุนนี้ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีและสุขภาพขนาดใหญ่มาก (mega-cap) ที่มีการเติบโตอย่างมั่นคงและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง กองทุนนี้เคยได้รับประโยชน์อย่างมากจากการถือครองหุ้นในบริษัทใหญ่ๆ เช่น Nvidia, Microsoft และ Eli Lilly ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในช่วงที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว


8. PRIMECAP Odyssey Growth Fund (POGRX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 33.8%

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 10 ปี: 14.8%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.65%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $2,000


กองทุน PRIMECAP มีชื่อเสียงในเรื่องความอดทนและการวิจัยเชิงลึก โดยมักลงทุนในช่วงเริ่มต้นในภาคธุรกิจที่มีนวัตกรรม เช่น ชีวเทคโนโลยี อุตสาหกรรมอวกาศ และเทคโนโลยีต่างๆ ระยะเวลาการถือครองหุ้นที่ยาวนานช่วยให้กองทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตแบบทบต้น


9. Morgan Stanley Insight (CINSX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 42.5%

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 5 ปี: 19.2%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.71%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $1,000


กองทุนนี้ได้รับความนิยมอย่างมากโดยการลงทุนล่วงหน้าในกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), การประมวลผลบนคลาวด์ (cloud computing) และซอฟต์แวร์เป็นบริการ (SaaS) โดยเน้นลงทุนในบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีนวัตกรรมและการเติบโตสูง ทำให้เป็นกองทุนที่มีความรวดเร็วและเต็มไปด้วยพลังเสริมกับกองทุนขนาดใหญ่แบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี


10. T. Rowe Price Blue Chip Growth (TRBCX)

  • ผลตอบแทนปี 2024 : 31.5%

  • ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 10 ปี: 15.2%

  • อัตราค่าธรรมเนียมการจัดการ: 0.69%

  • เงินลงทุนขั้นต่ำ: $2,500


กองทุนนี้เน้นลงทุนในบริษัทผู้นำในแต่ละภาคส่วนที่มีชื่อเสียงและโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายตัวได้ หุ้นในบริษัทอย่าง Microsoft, Apple และ UnitedHealth Group ช่วยผลักดันให้กองทุนนี้มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า S&P 500 อย่างต่อเนื่อง


ปัจจัยที่อยู่เบื้องความสำเร็จที่ทำให้กองทุนรวมผลตอบแทนสูง

Mutual Fund vs Index Fund

  • ระยะเวลาการลงทุนระยะยาว : กองทุนอย่าง Baron Partners เน้นการถือครองการลงทุนในระยะยาว ทำให้สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดและใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวได้

  • กลยุทธ์การลงทุนที่เน้นเป้าหมายชัดเจน : กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีมักจะโฟกัสกับไอเดียที่มั่นใจสูง ซึ่งช่วยให้ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ

  • ความเชี่ยวชาญในภาคส่วนเฉพาะ : กองทุนที่มีความรู้เฉพาะด้านในภาคส่วน เช่น เทคโนโลยี สามารถระบุและลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตสูงได้ก่อนตลาดโดยรวม

  • ผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ : ผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและแนวทางที่มีวินัยในการสร้างพอร์ตและการจัดการความเสี่ยง

  • ความสามารถในการปรับตัว : กองทุนที่ประสบความสำเร็จสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองต่อสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงและโอกาสใหม่ ๆ


บทสรุป


สรุป แม้ว่ากองทุนดัชนีอย่าง S&P 500 จะให้ความเรียบง่ายและผลตอบแทนที่มั่นคง แต่กองทุนรวมที่มีการบริหารจัดการเชิงรุกสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ที่พร้อมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นและทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ


กองทุนทั้ง 10 นี้ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการยึดมั่นในกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว มุ่งเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาว และปรับตัวเข้ากับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงทำให้พวกเขาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของกองทุนรวมผลตอบที่ทำผลงานได้ดี


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ


เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง

2025-06-20
การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต

2025-06-20
ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย

2025-06-20