ทำไมปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่ากว่าดอลลาร์? 6 เหตุผลสำคัญ

2025-04-23
สรุป

ณ เดือนเมษายน 2025 ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จากเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจเติบโต และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ณ เดือนเมษายน 2025 ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) ยังคงมีมูลค่าการแลกเปลี่ยนที่สูงกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) โดยอัตราแลกเปลี่ยน GBP/USD พุ่งขึ้นถึง 1.3382 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนนี้ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแข็งแกร่งกว่าของสหรัฐฯ เนื่องจากความแข็งแกร่งของสกุลเงินนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น นโยบายเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย ดุลการค้า และความรู้สึกของนักลงทุน


แล้วทำไมคนถึงยังมองว่าปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่ากว่าดอลลาร์? บทความนี้จะเจาะลึกถึงปัจจัยและบริบททางประวัติศาสตร์ที่สนับสนุนข้อกล่าวนี้


บริบททางประวัติศาสตร์และมูลค่าที่กำหนด (Nominal Value)

Why Is the Pound Stronger Than the Dollar - EBC

ปอนด์สเตอร์ลิงเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 และมักมีมูลค่าที่กำหนดสูงกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ มาโดยตลอด


แม้ว่าในบางช่วงมูลค่าของปอนด์จะสูงกว่าดอลลาร์ (เช่น £1 = $1.30 หรือมากกว่า) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะแข็งแกร่งกว่าของสหรัฐฯ โดยมูลค่าของสกุลเงินทั้งสองนี้มีรากฐานมาจากการประเมินค่าตามประวัติศาสตร์ และการจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่ต่างกันในแต่ละยุค


ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องเผชิญกับช่วงที่เงินเฟ้อสูงมาก โดยเฉพาะในทศวรรษ 1970 และวิกฤตการเงินปี 2008 ในขณะที่สหราชอาณาจักรใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดกว่าในช่วงเวลาเหล่านั้น


นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังคงรักษามูลค่าด้วยลักษณะโครงสร้างที่เฉพาะตัว เช่น การหมุนเวียนเงินที่ต่ำกว่า การเติบโตของอุปทานเงินที่ระมัดระวังมากกว่า และฐานธนาคารที่มีความมั่นคง ซึ่งลักษณะเหล่านี้ยังคงช่วยสนับสนุนความแข็งแกร่งของปอนด์ แม้ว่าการเงินทั่วโลกจะมีการขยายตัวมากขึ้นในปัจจุบันก็ตาม


ทำไมปอนด์สเตอร์ลิงจึงแข็งค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐฯ? อธิบาย 6 ปัจจัยสำคัญ

อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์และเงินดอลลาร์ - EBC


1. ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯและความไม่มั่นคงของสถาบัน

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์มีความผันผวนในปี 2025 คือการแทรกแซงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เช่น การวิจารณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีต่อเจอโรม พาวเวลล์ ประธานของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการรายงานเกี่ยวกับความพยายามในการขับไล่เขาออกจากตำแหน่ง ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ


ความเป็นอิสระของธนาคารกลางถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินระยะยาว หากธนาคารกลางถูกมองว่าได้รับอิทธิพลจากการเมือง ก็อาจส่งผลให้การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อหรือการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาด


ความกังวลเหล่านี้ทำให้เกิดความผันผวนของดอลลาร์ และนักลงทุนเริ่มหันไปลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ขณะเดียวกัน เงินปอนด์ได้รับประโยชน์จากการดำเนินนโยบายที่โปร่งใสและมีความระมัดระวังของธนาคารแห่งอังกฤษ ซึ่งรักษานโยบายดอกเบี้ยที่สมดุลและมั่นคง แม้จะมีแรงกดดันจากทั่วโลก ทำให้นักลงทุนมั่นใจและให้รางวัลกับการปกครองทางการเงินที่มีระเบียบวินัย ส่งผลให้ปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์


2. การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

ตามการคาดการณ์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในปี 2025 อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.8% ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้มาก่อนหน้านี้ สาเหตุหลักมาจากนโยบายการค้าที่เข้มงวดในช่วงการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์


การกลับมาใช้ภาษีศุลกากรใหม่กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน เม็กซิโก และสหภาพยุโรป ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และเพิ่มต้นทุนการผลิตสำหรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในสหรัฐฯ นโยบายคุ้มครองนี้ยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐฯ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของลดลง และส่งผลให้ความต้องการเงินดอลลาร์ทั่วโลกลดน้อยลง


เมื่อผู้ลงทุนเห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจจะเติบโตช้าลงพวกเขามักจะเลือกลงทุนในสกุลเงินและตลาดที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งในกรณีนี้ เงินปอนด์ได้รับประโยชน์จากยุทธศาสตร์การค้าหลัง Brexit ของสหราชอาณาจักร ที่มุ่งเน้นการเปิดเสรีการค้าผ่านทั้งข้อตกลงทวิภาคีและพหุภาคี


3. ความแตกต่างในอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของธนาคารกลาง

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของสกุลเงินคือความแตกต่างในแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร แม้ว่าทั้งสองเศรษฐกิจจะเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง แต่ท่าทีของธนาคารกลางในแต่ละประเทศกลับแตกต่างกัน


ธนาคารแห่งอังกฤษมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และระมัดระวังในการกระตุ้นความต้องการในเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแรงนัก ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองให้ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่จำเป็นต้องมีการกระทำเช่นนั้น


การลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ระบุราคาเป็นดอลลาร์ลดลง ทำให้ดอลลาร์กลายเป็นสกุลเงินที่ไม่น่าสนใจเท่าที่ควร หากสหราชอาณาจักรยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยที่สูง หรือมีการดำเนินนโยบายการเงินที่มั่นคงและสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยนี้เป็นประโยชน์ต่อเงินปอนด์ และทำให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อมีการไหลเวียนของเงินทุนไปยังตลาดที่มีผลตอบแทนดีและมีความมั่นคงทางนโยบายมากกว่า


4. ดอลลาร์สหรัฐฯ สูญเสียความน่าเชื่อถือในฐานะสกุลเงินปลอดภัย

ดอลลาร์เคยถูกมองว่าเป็นที่หลบภัยของนักลงทุนทั่วโลก ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอน นักลงทุนมักจะโยกเงินเข้าสู่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และสินทรัพย์ที่ใช้ดอลลาร์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 ความเชื่อมั่นนี้เริ่มสั่นคลอน เพราะปัญหาการเมืองภายในประเทศ และความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการคลังที่ทวีความรุนแรงขึ้น


การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและรายได้ภาษีที่ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) คาดว่าการขาดดุลในปีนี้จะเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ สถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความสามารถในการบริหารการคลังของสหรัฐฯ ในระยะยาว


เมื่อความกังวลเหล่านี้สะสมมากขึ้น นักลงทุนจำนวนไม่น้อยจึงเริ่มกระจายความเสี่ยง หันไปถือครองสกุลเงินอื่นที่มีพื้นฐานการคลังมั่นคงกว่า แม้สหราชอาณาจักรจะยังมีภาระหนี้อยู่บ้าง แต่ก็มีสัญญาณของการบริหารงบประมาณที่รอบคอบขึ้น และนโยบายการใช้จ่ายที่ยึดหลักความเป็นจริง วินัยทางการคลังในลักษณะนี้ช่วยให้เงินปอนด์กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น และยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง


5. เสถียรภาพทางการเมืองของสหราชอาณาจักรหลัง Brexit และแนวทางเศรษฐกิจของพรรคแรงงาน

หลังจากหลายปีแห่งความไม่แน่นอนจาก Brexit สหราชอาณาจักรเริ่มกลับมามีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น โดยในปี 2024 พรรคแรงงานสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้อย่างมั่นคง ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองเริ่มนิ่ง และนโยบายเศรษฐกิจมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น รัฐบาลชุดใหม่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างงาน และการปรับปรุงระบบภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่สร้างความตื่นตระหนกให้ตลาด สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา


แม้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะยังเติบโตในระดับที่ไม่สูงนัก แต่นโยบายที่มีความต่อเนื่อง และการขาดเหตุการณ์ทางการเมืองที่สั่นคลอนตลาด กลับช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลแรงงานยังแสดงท่าทีร่วมมือกับนานาประเทศอย่างสร้างสรรค์ ทั้งด้านการค้าและนโยบายสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้เงินปอนด์ดูมีเสถียรภาพในสายตานักลงทุนที่มองหาที่พักเงินในช่วงโลกผันผวน


6. การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเงินสำรองระหว่างประเทศและความเชื่อมั่นของนานาชาติ

ในช่วงหลัง ๆ ธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในหลายประเทศทั่วโลก เริ่มขยับเปลี่ยนแนวทางในการจัดการเงินสำรองระหว่างประเทศ จากเดิมที่เน้นถือเงินดอลลาร์เป็นหลัก ก็เริ่มกระจายความเสี่ยงมากขึ้น โดยทยอยลดสัดส่วนเงินดอลลาร์ลง และหันมาเพิ่มการถือครองสกุลเงินอื่น ๆ รวมถึงเงินปอนด์ แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่เร่งรีบ แต่เมื่อเกิดขึ้นต่อเนื่อง ก็ช่วยส่งแรงหนุนให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างมั่นคง


ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางหลายแห่งยังเลือกเพิ่มทองคำในพอร์ตทุนสำรองมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อเสถียรภาพของดอลลาร์ในฐานะแหล่งเก็บมูลค่า เงินปอนด์จึงเริ่มถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเศรษฐกิจของประเทษยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก และลอนดอนก็ยังเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญระดับโลก


การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และมุมมองของตลาด

ในปี 2025 กรุงลอนดอนยังคงเป็นจุดหมายสำคัญของเงินทุนจากทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ฟินเทค และพลังงานสะอาด แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความไม่แน่นอน แต่สหราชอาณาจักรกลับมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากกฎระเบียบที่ชัดเจนและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน การไหลเข้าของเงินทุนเหล่านี้ช่วยเพิ่มความต้องการเงินปอนด์ และสนับสนุนค่าเงินในตลาดแลกเปลี่ยน


นอกจากนี้ ตลาดทุนของสหราชอาณาจักรที่พัฒนาอย่างเต็มที่ยังดึงดูดนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรและดัชนีหุ้นต่าง ๆ เมื่อกองทุนจากต่างประเทศเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ของสหราชอาณาจักร ก็จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินของตนเป็นปอนด์สเตอร์ลิง ซึ่งยิ่งทำให้ความต้องการเงินปอนด์สูงขึ้น และมีส่วนผลักดันค่าเงินให้แข็งค่าขึ้นอีก


ในส่วนของการคาดการณ์ค่าเงินจากสถาบันการเงินรายใหญ่ มีมุมมองที่แตกต่างกันเช่น:

  • HSBC คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยน GBP/USD จะอยู่ในช่วงประมาณ 1.32–1.34 ไปจนถึงสิ้นปี 2025 โดยให้เหตุผลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหราชอารณาจักรและการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหลัก

  • Goldman Sachs มองในมุมที่สนับสนุนดอลลาร์มากกว่า โดยคาดว่า GBP/USD อาจปรับลดลงไปที่ระดับ 1.28 ภายในปลายปี 2025 หากเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง และความเสี่ยงทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย

  • ING Bank คาดว่า GBP/USD จะขึ้นไปแตะ 1.36 ในช่วงต้นปี 2026 จากปัจจัยด้านโครงสร้างเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคง


สรุป

การที่ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 ไม่ใช่แค่ความเคลื่อนไหวชั่วคราวของอัตราแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่ลึกซึ้ง ทั้งด้านเสถียรภาพทางการเมือง สภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจน และความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อสหราชอาณาจักร


แม้ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก แต่ก็เริ่มเผชิญแรงกดดันมากขึ้น จากความไม่แน่นอนในด้านนโยบายเศรษฐกิจ ปัญหาทางการคลัง และความกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะยาว


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง

2025-06-20
การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต

2025-06-20
ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย

2025-06-20