简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

หุ้นเอเชียทะยาน หลังคาด Fed ปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐ

เผยแพร่เมื่อ: 2025-09-11    อัปเดตเมื่อ: 2025-09-12

ตลาดหุ้นเอเชียขยายตัวต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ดัชนีสำคัญหลายแห่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความเชื่อมั่นต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่แข็งแกร่งขึ้น ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและความต้องการหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งสูง ช่วยหนุนบรรยากาศเชิงบวกทั่วทั้งภูมิภาค


ทำลายสถิติเดิม


  • ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 0.9% ปิดที่ 43,837.67 จุด ขณะที่ดัชนี TOPIX ขยับขึ้น 0.6% ปิดที่ 3,140.97 จุด ทั้งสองดัชนีทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการปฏิรูประดับองค์กรและค่าเงินเยนที่อ่อนค่าช่วยหนุนภาคการส่งออก

Nikkei 225 Price Trend


  • ในเกาหลีใต้ ดัชนี KOSPI พุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 3,314.53 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ได้แรงหนุนจากผู้ผลิตชิปขนาดใหญ่และผลประกอบการแข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

KOSPI Price Trend


  • ดัชนี Taiex ของไต้หวันปรับขึ้น 1.36% ปิดที่ 25,192.59 จุด ได้แรงหนุนจากความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์และแนวโน้มดิจิทัลทั่วโลก

Taiex Index Price Trend


  • ดัชนี CSI 300 ของจีนและ Shanghai Composite รายงานกำไรที่ปานกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นใหม่ในภาคส่วน AI และการสนับสนุนนโยบายที่ระมัดระวัง แม้ว่าความกังวลที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และหนี้สินยังคงสามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นได้

Shanghai Composite Price Trend


ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นเอเชีย:


หลายปัจจัยสำคัญอธิบายถึงแรงหนุนในตลาดหุ้นเอเชียขณะนี้ ได้แก่


1) ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง:

ข้อมูลราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ยิ่งเสริมความคาดหวังว่าเฟดอาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในไม่ช้า ต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำลงมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และกระตุ้นเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมถึงหุ้นเอเชีย


2) ความแข็งแกร่งที่นำโดยเทคโนโลยี:

ความต้องการที่แข็งแกร่งในปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเซมิคอนดักเตอร์ช่วยหนุนผู้ผลิตชิปในเกาหลีใต้และไต้หวัน ขณะที่ญี่ปุ่นได้รับประโยชน์จากความสนใจระดับโลกในด้านอัตโนมัติและหุ่นยนต์


3) ความชัดเจนของนโยบาย:

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของญี่ปุ่นและการตัดสินใจเลื่อนการจัดเก็บภาษีเงินได้จากกำไรหุ้นของเกาหลีใต้ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน


4) ความรู้สึกทั่วโลก:

แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของวอลล์สตรีทในคืนก่อนหน้า โดยเฉพาะดัชนี Nasdaq ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ช่วยเป็นฉากหลังเชิงบวกต่อภูมิภาค


ความเสี่ยงและความท้าทายต่อหุ้นเอเชีย


แม้แนวโน้มตลาดจะเป็นบวก แต่ผู้วิเคราะห์เตือนให้นักลงทุนระวังความประมาท


1) ความไม่แน่นอนด้านเงินเฟ้อ:

หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงสูงกว่าที่คาด Fed อาจเลื่อนหรือปรับลดการตัดลดดอกเบี้ย ทำให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของเอเชียลดลง


2) อุปสรรคของจีน:

ความกังวลด้านหนี้สิน ความอ่อนแอของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบยังคงส่งผลกระทบต่อหุ้นในแผ่นดินใหญ่


3) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์:

ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนและความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลางยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน


4) การไหลของเงินทุน:

นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่หากเกิดการกลับทิศทาง อาจก่อให้เกิดความผันผวน โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย


โอกาสสำหรับนักลงทุน


ธนาคารระดับโลก เช่น Goldman Sachs ต่างแสดงความเห็นเชิงบวกต่อภูมิภาคนี้ โดยเน้นที่ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นพิเศษ


นักลงทุนกำลังจับตาดูโอกาสใน:

  • กองทุน ETF และดัชนีที่ติดตามหุ้นเอเชีย

  • บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์และ AI ในไต้หวันและเกาหลี

  • บริษัทญี่ปุ่นที่เน้นการส่งออกได้รับประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

  • หุ้นฮ่องกงซึ่งยังคงมีมูลค่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ


ต่อไปจะเป็นอย่างไร?

2025 Stock Market Trends in Japan, South Korea, Hong Kong, and Taiwan

ขณะนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่กำลังจะเผยแพร่ ตัวเลขที่อ่อนตัวลงอาจตอกย้ำความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วที่สุดในไตรมาสหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้ดัชนีเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดใดๆ ขึ้น ก็อาจกระตุ้นให้เกิดการเทขายทำกำไร


นักลงทุนยังติดตามผลประกอบการขององค์กรในเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยี เพื่อยืนยันเพิ่มเติมถึงศักยภาพการเติบโตของภูมิภาค


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตลาดหุ้นเอเชีย


Q1. การลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เป็นสาเหตุหลักของการพุ่งขึ้นของราคาหรือไม่?

ใช่ เพราะเป็นแรงผลักดันหลัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ลดลงกระตุ้นให้เงินทุนทั่วโลกไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งรวมถึงหุ้นเอเชียด้วย


Q2. ตลาดเอเชียใดแข็งแกร่งที่สุดตอนนี้?

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันเป็นผู้นำในการเติบโต โดยเฉพาะในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี


Q3. นักลงทุนควรระวังความเสี่ยงอะไรบ้าง?

อัตราเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายในจีนยังคงเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด


Q4. การชุมนุมครั้งนี้จะยั่งยืนหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของเฟด การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก และความต้องการเฉพาะภาคส่วน ณ ขณะนี้โมเมนตัมดูแข็งแกร่ง แต่มีแนวโน้มผันผวน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
ราคาเงิน (Silver) 2025 กระแสพุ่งต่อ หรือใกล้ถึงจุดเปลี่ยน?
Flash Crash คืออะไร? สาเหตุ ตัวอย่าง และประเด็นสำคัญ
เคล็ดลับสร้าง Trading Routine ชนะตลาดปี 2025
ทองคำ XAU/USD ขึ้นไม่หยุด DXY อ่อน น้ำมัน WTI ทรงตัว
After Hours Trading คืออะไร? มือใหม่เข้าใจง่าย