คาดการณ์ EURUSD ในอีก 6 เดือนข้างหน้า

2025-06-13
สรุป

คาดการณ์ EURUSD ในอีก 6 เดือนข้างหน้า พร้อมปัจจัยสำคัญ ระดับทางเทคนิค และข้อมูลเชิงลึกในการซื้อขาย เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD

อัตราแลกเปลี่ยนยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) เป็นจุดสนใจหลักของนักเทรด Forex เนื่องจากสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก


ในบทความนี้ เราจะคาดการณ์ EURUSD ในอีก 6 เดือนข้างหน้า พร้อมเน้นปัจจัยสำคัญ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถจับจังหวะการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินหลักนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อัตราแลกเปลี่ยน EURUSD ในปัจจุบัน

Euro to Dollar Exchange Rate 2025

ณ กลางเดือนมิถุนายน 2025 คู่สกุลเงิน EUR/USD เคลื่อนไหวอยู่ราว 1.1544 หลังจากเพิ่งปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ประมาณ 1.1630 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 แรงขับเคลื่อนขาขึ้นนี้เกิดจากการฟื้นตัวของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงนโยบายที่แตกต่างกันของธนาคารกลางทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้ราคาปรับขึ้น 12.7% จากจุดต่ำสุดที่ 1.0243 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2025


อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในระยะสั้นและระยะกลางยังคงเป็นแนวโน้มขาลงตามการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์บางส่วน ขณะที่มุมมองระยะยาวกลับมีแนวโน้มเป็นบวกมากกว่า


คาดการณ์ EURUSD อีก 6 เดือนข้างหน้า


การคาดการณ์ระยะสั้น (มิถุนายน – กันยายน 2025)

การคาดการณ์ในช่วงเดือนข้างหน้าแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าคู่เงินนี้อาจปรับตัวลงไปแตะระดับประมาณ 1.1268 ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งเป็นการลดลงประมาณ 2.39% จากระดับปัจจุบัน ก่อนจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นไปที่ประมาณ 1.1403 ภายในเดือนกันยายน 2025 (ไตรมาส 3)


บางการคาดการณ์มีความเป็นไปในเชิงลบมากขึ้น โดยประเมินว่าอัตราอาจลงไปถึง 1.11 ภายในสิ้นไตรมาสนี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ว่ามีโอกาสเกิดการปรับฐานในระยะใกล้ที่ระดับ 1.1333 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นไปที่ 1.1515


การคาดการณ์ระยะกลาง (ตุลาคม – ธันวาคม 2025)

เมื่อมองไปข้างหน้าในช่วงปลายปี การคาดการณ์ส่วนใหญ่ชี้ว่าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD อาจปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ราว 1.1527 ภายในเดือนธันวาคม 2025 (ไตรมาส 4) สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มุมมองที่มองโลกในแง่ดีมากขึ้นคาดว่า คู่สกุลเงินนี้จะเคลื่อนไหวในช่วง 1.1400 ถึง 1.1800 ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน โดยในบางกรณีที่เป็นขาขึ้นรุนแรง อาจพุ่งขึ้นไปเหนือระดับ 1.33 ภายในสิ้นปี


อย่างไรก็ตาม ยังมีความระมัดระวังอยู่บ้าง เนื่องจากนักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า โอกาสที่จะทะลุระดับ 1.10 อาจมีจำกัด และอาจเห็นการเคลื่อนไหวในกรอบ 1.05–1.07 หากแรงกดดันขาลงเพิ่มขึ้น


ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ EUR/USD

euro to dollar forecast next 6 months

1. นโยบายธนาคารกลาง

นโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาด
ECB ได้ส่งสัญญาณท่าทีที่เข้มงวดมากขึ้น โดยประธาน Christine Lagarde ระบุว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะเป็นเรื่องยากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางกำลังใกล้จะสิ้นสุดวงจรการผ่อนคลายทางการเงิน


ในทางตรงกันข้าม Fed คาดว่าจะมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น อาจลดอัตราดอกเบี้ยหากอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ สูงกว่า 4.1–4.2% ซึ่งอาจส่งผลให้อ่อนค่าของดอลลาร์ ความแตกต่างของนโยบายนี้จึงสนับสนุนโอกาสที่ EUR/USD จะปรับตัวขึ้นในระยะใกล้


2. ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ

การเติบโตของยูโรโซนได้รับการปรับเพิ่มขึ้น โดย GDP ไตรมาส 1 ปี 2025 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราเติบโตเร็วที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2022 ส่งผลหนุนค่าเงินยูโร ในขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ยอดขายปลีกและอัตราเงินเฟ้อ จะเป็นปัจจัยสำคัญ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งอาจหนุนดอลลาร์ในระยะสั้น ในขณะที่ตัวเลขที่อ่อนแออาจเสริมท่าทีผ่อนคลายของ Fed


3. การพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า

ความผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในช่วงหลัง รวมถึงความเป็นไปได้ในการเจรจายุติความขัดแย้งและข้อตกลงเรื่องภาษีศุลกากร ได้ช่วยกระตุ้นความต้องการความเสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลบวกต่อค่าเงินยูโร อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นภายใต้การกลับมาของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนีและฝรั่งเศส อาจสร้างความไม่มั่นคงทางการเมือง และหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)


4. แนวโน้มตลาดและความต้องการความเสี่ยง

แนวโน้มตลาดมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของ EUR/USD การเก็งกำไรและความต้องการความเสี่ยงสามารถสร้างความผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการประกาศข้อมูลสำคัญหรือเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ หากความเชื่อมั่นในความเสี่ยงของตลาดโลกลดลง ดอลลาร์มักจะได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Defensive Asset)


การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับเทรดเดอร์

Euro to Dollar Technical Analysis

ดัชนีทางเทคนิคชี้ให้เห็นภาพรวมที่ซับซ้อนสำหรับคู่เงิน EUR/USD ในช่วงหกเดือนข้างหน้า ล่าสุดคู่สกุลเงินนี้สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 1.1550 ได้ ส่งผลให้แรงขาขึ้นในระยะสั้นยังคงมีความแข็งแกร่ง และระดับเสถียรภาพเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (50-day EMA) ทำหน้าที่เป็นแนวรับที่มีความยืดหยุ่น


อย่างไรก็ตาม สัญญาณ RSI ที่อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) เตือนถึงความเป็นไปได้ของการปรับฐาน หากราคาคู่สกุลเงินนี้ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1.1550 ได้
ระดับสำคัญที่ควรจับตา ได้แก่:


  • แนวรับ: 1.1333 (เป้าหมายการแก้ไขระยะใกล้) 1.1200–1.1250 (การย้อนกลับของ Fibonacci และแนวรับเส้นแนวโน้ม) และ 1.1100 (แนวรับระดับกลาง)

  • แนวต้าน: 1.1650 (เป้าหมายเริ่มต้น) มีศักยภาพขาขึ้นต่อไปที่ 1.1766–1.1800 หากโมเมนตัมขาขึ้นยังคงอยู่


การหลุดแนวรับสำคัญที่ 1.1200 อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงลึกถึงระดับ 1.1000 หรือ 1.0900 ในขณะที่การยืนเหนือระดับ 1.1550 จะสนับสนุนการปรับตัวขึ้นต่อไป


กลยุทธ์การเทรดในช่วง 6 เดือนข้างหน้า


1. การติดตามแนวโน้ม

เนื่องจากแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้น เทรดเดอร์สามารถเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ เช่น 1.1333 หรือ 1.1250 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่แนวต้าน 1.1650 หรือสูงกว่า ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อยืนยันทิศทางของแนวโน้ม


2. เทรดในกรอบราคา

หากคู่เงิน EUR/USD เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.1333 ถึง 1.1650 เทรดเดอร์ที่เน้นเก็งกำไรในกรอบราคาสามารถเข้าซื้อบริเวณแนวรับ และขายเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้าน เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวไซด์เวย์


3. การเทรด Breakout

ติดตามการทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1.1650 เพื่อเปิดสถานะซื้อ (Long) หรือหากราคาทะลุแนวรับที่ 1.1200 ให้พิจารณาเปิดสถานะขาย (Short) พร้อมตั้งจุด Stop Loss เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ


4. เทรดตามเหตุการณ์

จับตาเหตุการณ์สำคัญ เช่น ดัชนี CPI ของยูโรโซน, ยอดขายปลีกของสหรัฐฯ และประกาศนโยบายจากธนาคารกลาง เพราะจะส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาด ควรวางตำแหน่งก่อนหรือปรับพอร์ตตามความเคลื่อนไหวของตลาด พร้อมใช้การควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด


เคล็ดลับการบริหารความเสี่ยง


  • คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss Orders): กำหนดจุดหยุดขาดทุนไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญ เช่น 1.1200 สำหรับสถานะซื้อ (Long) เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลง

  • ขนาดการลงทุน (Position Sizing): หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป เพราะการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือข้อมูลที่ไม่คาดคิด อาจทำให้ราคาผันผวนรุนแรง

  • ติดตามข้อมูลข่าวสาร (Stay Informed): คอยอัปเดตปฏิทินเศรษฐกิจเกี่ยวกับการตัดสินใจของ ECB/Fed, ตัวเลข GDP และข้อมูลเงินเฟ้อ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงในตลาด


บทสรุป


คาดการณ์ EURUSD อีก 6 เดือนข้างหน้า แม้จะมีความผันผวนและหลากหลาย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับนักเทรด โดยคาดการณ์ว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบตั้งแต่ 1.1268 ถึง 1.1800 ภายในเดือนธันวาคม 2025 ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาคือความแตกต่างด้านนโยบายของธนาคารกลาง ข้อมูลเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักเทรดต้องมีความคล่องตัวในการรับมือ


การใช้ระดับทางเทคนิคควบคู่กับการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม จะช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารความเสี่ยงและสร้างโอกาสในตลาด EUR/USD ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

USD/CAD กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน: ระดับ 1.3820 จะเป็นระดับการทะลุแนวรับหรือไม่?

USD/CAD กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน: ระดับ 1.3820 จะเป็นระดับการทะลุแนวรับหรือไม่?

USD/CAD พุ่งขึ้นใกล้เส้น EMA 20 วัน เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการเจรจาการค้าส่งผลต่อความรู้สึกของตลาด

2025-06-19
วิธีการเทรดตามกลยุทธ์ Break และ Retest เหมือนมืออาชีพ

วิธีการเทรดตามกลยุทธ์ Break และ Retest เหมือนมืออาชีพ

ต้องการซื้อขายแบบ breakout ให้ประสบความสำเร็จหรือไม่ เรียนรู้วิธีการ breakout และทดสอบซ้ำที่มืออาชีพใช้เพื่อรับการซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูงพร้อมความเสี่ยงที่ลดลง

2025-06-19
ตัวบ่งชี้ปริมาณตัวใดดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย?

ตัวบ่งชี้ปริมาณตัวใดดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย?

สำรวจตัวบ่งชี้ปริมาณอันทรงพลัง 5 ตัว ได้แก่ OBV, VWAP, A/D Line, CMF และ Volume Profile เพื่อปรับปรุงการยืนยันแนวโน้มและจังหวะเวลาการซื้อขาย

2025-06-19