คาดการณ์ EURUSD ในอีก 6 เดือนข้างหน้า พร้อมปัจจัยสำคัญ ระดับทางเทคนิค และข้อมูลเชิงลึกในการซื้อขาย เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD
อัตราแลกเปลี่ยนยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) เป็นจุดสนใจหลักของนักเทรด Forex เนื่องจากสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ในบทความนี้ เราจะคาดการณ์ EURUSD ในอีก 6 เดือนข้างหน้า พร้อมเน้นปัจจัยสำคัญ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยให้นักเทรดสามารถจับจังหวะการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินหลักนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ณ กลางเดือนมิถุนายน 2025 คู่สกุลเงิน EUR/USD เคลื่อนไหวอยู่ราว 1.1544 หลังจากเพิ่งปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ประมาณ 1.1630 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 แรงขับเคลื่อนขาขึ้นนี้เกิดจากการฟื้นตัวของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงนโยบายที่แตกต่างกันของธนาคารกลางทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้ราคาปรับขึ้น 12.7% จากจุดต่ำสุดที่ 1.0243 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2025
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในระยะสั้นและระยะกลางยังคงเป็นแนวโน้มขาลงตามการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์บางส่วน ขณะที่มุมมองระยะยาวกลับมีแนวโน้มเป็นบวกมากกว่า
การคาดการณ์ระยะสั้น (มิถุนายน – กันยายน 2025)
การคาดการณ์ในช่วงเดือนข้างหน้าแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าคู่เงินนี้อาจปรับตัวลงไปแตะระดับประมาณ 1.1268 ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งเป็นการลดลงประมาณ 2.39% จากระดับปัจจุบัน ก่อนจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นไปที่ประมาณ 1.1403 ภายในเดือนกันยายน 2025 (ไตรมาส 3)
บางการคาดการณ์มีความเป็นไปในเชิงลบมากขึ้น โดยประเมินว่าอัตราอาจลงไปถึง 1.11 ภายในสิ้นไตรมาสนี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ว่ามีโอกาสเกิดการปรับฐานในระยะใกล้ที่ระดับ 1.1333 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นไปที่ 1.1515
การคาดการณ์ระยะกลาง (ตุลาคม – ธันวาคม 2025)
เมื่อมองไปข้างหน้าในช่วงปลายปี การคาดการณ์ส่วนใหญ่ชี้ว่าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD อาจปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ราว 1.1527 ภายในเดือนธันวาคม 2025 (ไตรมาส 4) สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มุมมองที่มองโลกในแง่ดีมากขึ้นคาดว่า คู่สกุลเงินนี้จะเคลื่อนไหวในช่วง 1.1400 ถึง 1.1800 ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน โดยในบางกรณีที่เป็นขาขึ้นรุนแรง อาจพุ่งขึ้นไปเหนือระดับ 1.33 ภายในสิ้นปี
อย่างไรก็ตาม ยังมีความระมัดระวังอยู่บ้าง เนื่องจากนักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า โอกาสที่จะทะลุระดับ 1.10 อาจมีจำกัด และอาจเห็นการเคลื่อนไหวในกรอบ 1.05–1.07 หากแรงกดดันขาลงเพิ่มขึ้น
1. นโยบายธนาคารกลาง
นโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาด
ECB ได้ส่งสัญญาณท่าทีที่เข้มงวดมากขึ้น โดยประธาน Christine Lagarde ระบุว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะเป็นเรื่องยากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางกำลังใกล้จะสิ้นสุดวงจรการผ่อนคลายทางการเงิน
ในทางตรงกันข้าม Fed คาดว่าจะมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น อาจลดอัตราดอกเบี้ยหากอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ สูงกว่า 4.1–4.2% ซึ่งอาจส่งผลให้อ่อนค่าของดอลลาร์ ความแตกต่างของนโยบายนี้จึงสนับสนุนโอกาสที่ EUR/USD จะปรับตัวขึ้นในระยะใกล้
2. ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ
การเติบโตของยูโรโซนได้รับการปรับเพิ่มขึ้น โดย GDP ไตรมาส 1 ปี 2025 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราเติบโตเร็วที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2022 ส่งผลหนุนค่าเงินยูโร ในขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ยอดขายปลีกและอัตราเงินเฟ้อ จะเป็นปัจจัยสำคัญ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งอาจหนุนดอลลาร์ในระยะสั้น ในขณะที่ตัวเลขที่อ่อนแออาจเสริมท่าทีผ่อนคลายของ Fed
3. การพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า
ความผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในช่วงหลัง รวมถึงความเป็นไปได้ในการเจรจายุติความขัดแย้งและข้อตกลงเรื่องภาษีศุลกากร ได้ช่วยกระตุ้นความต้องการความเสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลบวกต่อค่าเงินยูโร อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นภายใต้การกลับมาของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนีและฝรั่งเศส อาจสร้างความไม่มั่นคงทางการเมือง และหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
4. แนวโน้มตลาดและความต้องการความเสี่ยง
แนวโน้มตลาดมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของ EUR/USD การเก็งกำไรและความต้องการความเสี่ยงสามารถสร้างความผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการประกาศข้อมูลสำคัญหรือเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ หากความเชื่อมั่นในความเสี่ยงของตลาดโลกลดลง ดอลลาร์มักจะได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Defensive Asset)
ดัชนีทางเทคนิคชี้ให้เห็นภาพรวมที่ซับซ้อนสำหรับคู่เงิน EUR/USD ในช่วงหกเดือนข้างหน้า ล่าสุดคู่สกุลเงินนี้สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 1.1550 ได้ ส่งผลให้แรงขาขึ้นในระยะสั้นยังคงมีความแข็งแกร่ง และระดับเสถียรภาพเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (50-day EMA) ทำหน้าที่เป็นแนวรับที่มีความยืดหยุ่น
อย่างไรก็ตาม สัญญาณ RSI ที่อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) เตือนถึงความเป็นไปได้ของการปรับฐาน หากราคาคู่สกุลเงินนี้ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1.1550 ได้
ระดับสำคัญที่ควรจับตา ได้แก่:
แนวรับ: 1.1333 (เป้าหมายการแก้ไขระยะใกล้) 1.1200–1.1250 (การย้อนกลับของ Fibonacci และแนวรับเส้นแนวโน้ม) และ 1.1100 (แนวรับระดับกลาง)
แนวต้าน: 1.1650 (เป้าหมายเริ่มต้น) มีศักยภาพขาขึ้นต่อไปที่ 1.1766–1.1800 หากโมเมนตัมขาขึ้นยังคงอยู่
การหลุดแนวรับสำคัญที่ 1.1200 อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงลึกถึงระดับ 1.1000 หรือ 1.0900 ในขณะที่การยืนเหนือระดับ 1.1550 จะสนับสนุนการปรับตัวขึ้นต่อไป
1. การติดตามแนวโน้ม
เนื่องจากแนวโน้มระยะสั้นเป็นขาขึ้น เทรดเดอร์สามารถเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับสำคัญ เช่น 1.1333 หรือ 1.1250 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่แนวต้าน 1.1650 หรือสูงกว่า ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อยืนยันทิศทางของแนวโน้ม
2. เทรดในกรอบราคา
หากคู่เงิน EUR/USD เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.1333 ถึง 1.1650 เทรดเดอร์ที่เน้นเก็งกำไรในกรอบราคาสามารถเข้าซื้อบริเวณแนวรับ และขายเมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้าน เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวไซด์เวย์
3. การเทรด Breakout
ติดตามการทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1.1650 เพื่อเปิดสถานะซื้อ (Long) หรือหากราคาทะลุแนวรับที่ 1.1200 ให้พิจารณาเปิดสถานะขาย (Short) พร้อมตั้งจุด Stop Loss เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
4. เทรดตามเหตุการณ์
จับตาเหตุการณ์สำคัญ เช่น ดัชนี CPI ของยูโรโซน, ยอดขายปลีกของสหรัฐฯ และประกาศนโยบายจากธนาคารกลาง เพราะจะส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาด ควรวางตำแหน่งก่อนหรือปรับพอร์ตตามความเคลื่อนไหวของตลาด พร้อมใช้การควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด
คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss Orders): กำหนดจุดหยุดขาดทุนไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญ เช่น 1.1200 สำหรับสถานะซื้อ (Long) เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลง
ขนาดการลงทุน (Position Sizing): หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจมากเกินไป เพราะการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือข้อมูลที่ไม่คาดคิด อาจทำให้ราคาผันผวนรุนแรง
ติดตามข้อมูลข่าวสาร (Stay Informed): คอยอัปเดตปฏิทินเศรษฐกิจเกี่ยวกับการตัดสินใจของ ECB/Fed, ตัวเลข GDP และข้อมูลเงินเฟ้อ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงในตลาด
คาดการณ์ EURUSD อีก 6 เดือนข้างหน้า แม้จะมีความผันผวนและหลากหลาย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับนักเทรด โดยคาดการณ์ว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบตั้งแต่ 1.1268 ถึง 1.1800 ภายในเดือนธันวาคม 2025 ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาคือความแตกต่างด้านนโยบายของธนาคารกลาง ข้อมูลเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักเทรดต้องมีความคล่องตัวในการรับมือ
การใช้ระดับทางเทคนิคควบคู่กับการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม จะช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารความเสี่ยงและสร้างโอกาสในตลาด EUR/USD ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
USD/CAD พุ่งขึ้นใกล้เส้น EMA 20 วัน เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการเจรจาการค้าส่งผลต่อความรู้สึกของตลาด
2025-06-19ต้องการซื้อขายแบบ breakout ให้ประสบความสำเร็จหรือไม่ เรียนรู้วิธีการ breakout และทดสอบซ้ำที่มืออาชีพใช้เพื่อรับการซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูงพร้อมความเสี่ยงที่ลดลง
2025-06-19สำรวจตัวบ่งชี้ปริมาณอันทรงพลัง 5 ตัว ได้แก่ OBV, VWAP, A/D Line, CMF และ Volume Profile เพื่อปรับปรุงการยืนยันแนวโน้มและจังหวะเวลาการซื้อขาย
2025-06-19