Intraday คือการเทรดรายวัน แต่ก็ยังมีความเชื่อผิดๆ ซึ่งบทความนี้จะลบล้างความเชื่อผิดๆ และเปิดเผยกลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในตลาดโลกการเงิน
Intraday คือการเทรดรายวัน ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการเข้าร่วมตลาดที่น่าตื่นเต้นที่สุด เพราะเต็มไปด้วยความรวดเร็ว ความตื่นเต้น และโอกาสในการทำกำไรอย่างฉับไว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเข้าใจผิดอยู่มาก หากคุณเป็นเทรดเดอร์มือใหม่ที่กำลังหาจังหวะของตัวเอง หรือเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์แล้ว แต่ต้องการพัฒนากลยุทธ์เพิ่มเติม การเข้าใจความจริงเบื้องหลัง "ความเชื่อผิด ๆ" เหล่านี้ อาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ แทนที่จะต้องเผชิญกับความสูญเสียโดยไม่จำเป็น
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปไขความลับและหักล้าง 5 ความเชื่อผิด ๆ ที่มักเข้าใจผิดกันเกี่ยวกับการเทรดรายวัน แยกแยะสิ่งที่เป็นเพียงแค่กระแส กับสิ่งที่เป็นความจริงให้ชัดเจน
ความเชื่อผิดที่ 1: Intraday เหมือนการพนัน
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดก็คือ การเทรดรายวันไม่ต่างอะไรกับการเสี่ยงโชคในคาสิโน ความคิดนี้มักเกิดจากเรื่องราวของคนที่ขาดทุนอย่างรวดเร็วหรือพฤติกรรมที่ดูเสี่ยงเกินไป
ความเป็นจริง :
แม้ว่าการเทรดรายวันจะมีความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มแต่อย่างใด เทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้จริงจะใช้การวิเคราะห์ การบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย และกลยุทธ์ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว พวกเขาอาศัยเครื่องมือ เช่น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค รูปแบบแท่งเทียน การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย และแนวโน้มในระหว่างวัน เพื่อตัดสินใจอย่างมีหลักการ สิ่งที่แยกความแตกต่างระหว่าง "การพนัน" กับ "การเทรด" คือ การเตรียมตัวและการลงมือทำอย่างมีระบบ ไม่ใช่เรื่องของโชค
ความเชื่อผิดที่ 2: ต้องจ้องหน้าจอทั้งวัน
อีกหนึ่งความเข้าใจผิดคือ การเทรดรายวันต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตั้งแต่เปิดตลาดจนปิดตลาดแบบไม่มีเวลาพัก ไม่มีความยืดหยุ่น
ความเป็นจริง :
แม้ว่า "จังหวะเวลา" จะมีความสำคัญในการเทรดรายวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องนั่งดูกราฟทุกวินาที เทรดเดอร์หลายคนเลือกโฟกัสเฉพาะช่วงเวลาที่มีโอกาสสูง เช่น ชั่วโมงแรกหลังเปิดตลาด หรือช่วงตลาดลอนดอนซ้อนกับนิวยอร์ก
บางคนใช้ระบบแจ้งเตือน (alert) หรือเครื่องมือเทรดอัตโนมัติเพื่อช่วยลดเวลาหน้าจอ ถ้ามีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการวางแผนที่ดี การเทรดรายวันสามารถทำควบคู่กับการใช้ชีวิตอย่างสมดุลได้ โดยไม่ต้องเสียประสิทธิภาพในการเทรดเลย
ความเชื่อผิดที่ 3: เทรดยิ่งเยอะ ยิ่งได้กำไรเยอะ
นี่คือกับดักอันตรายที่เทรดเดอร์มือใหม่จำนวนมากมักตกหลุมพราง คิดว่ายิ่งเปิดออเดอร์เยอะ ก็ยิ่งทำกำไรได้มากขึ้น
ความเป็นจริง :
ในการเทรดรายวัน “คุณภาพ” สำคัญกว่า “ปริมาณ” เสมอ การเทรดมากเกินไป (Overtrading) นอกจากจะเพิ่มต้นทุนผ่านสเปรดหรือค่าคอมมิชชันแล้ว ยังทำให้เสี่ยงขาดทุนมากขึ้นด้วย เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมักรอจังหวะที่มีความน่าจะเป็นสูงเท่านั้น บางวันอาจเปิดแค่ไม่กี่ออเดอร์ พวกเขาให้ความสำคัญกับ “จุดเข้าที่มีคุณภาพตามเงื่อนไขที่ชัดเจน” มากกว่าการไล่ตามทุกการเคลื่อนไหวของราคาอย่างไร้แผน
ความเชื่อผิดที่ 4: การเทรดรายวันเหมาะกับหุ้นราคาถูก (Penny Stocks) ที่สุด
หลายคนเชื่อว่าหุ้นราคาถูกที่ผันผวนแรง คือเป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดรายวัน เพราะราคาขึ้นลงเร็ว เหมือนจะทำกำไรได้ง่าย
ความเป็นจริง :
แม้ว่าความผันผวนจะสร้างโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงของการหลุดราคาที่ตั้งไว้ (Slippage) และความไม่แน่นอนเช่นกัน เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคนกลับเลือกใช้สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและเสถียรมากกว่า เช่น คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs), หุ้นขนาดใหญ่ (Large-cap Stocks) หรือสินค้าโภคภัณฑ์
ตลาดเหล่านี้ให้สเปรดที่เหมาะสม การเปิด–ปิดออเดอร์รวดเร็ว และมีรูปแบบราคาที่คาดการณ์ได้ง่ายกว่า ซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์การเทรดในระยะสั้น
ความเชื่อผิดที่ 5: ต้องมีเงินทุนจำนวนมากจึงจะเริ่มเทรดรายวันได้
หลายคนเชื่อว่าการเทรดรายวันเป็นเรื่องของมืออาชีพที่มีเงินทุนหนาเท่านั้น
ความเป็นจริง :
แม้ว่าการมีเงินทุนมากจะช่วยให้จัดขนาดตำแหน่งได้ยืดหยุ่นขึ้น และลดผลกระทบจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่ก็ไม่ใช่ข้อจำเป็นในการเริ่มต้นปั่นกำไรยุคนี้ ด้วยระบบเทรดแบบเศษหุ้น (Fractional Trading), สัญญาขนาดเล็ก (Micro-lots) และบัญชีใช้เลเวอเรจ (Leverage) เทรดเดอร์สามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยและยังสามารถทำกำไรได้อย่างมีความหมาย สิ่งที่สำคัญกว่าคือการบริหารจัดการเงินทุน ไม่ใช่จำนวนเงินทุนที่มีอยู่
ความเชื่อผิดส่วนใหญ่เกิดจากความไม่เข้าใจว่ากลยุทธ์การเทรดรายวันถูกสร้างขึ้นอย่างไร กลยุทธ์เหล่านี้มักจะอิงกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคระยะสั้น การเคลื่อนไหวของราคา แนวรับแนวต้าน และจิตวิทยาตลาด จุดมุ่งหมายไม่ใช่การเดาทิศทางตลาดล่วงหน้า แต่เป็นการตอบสนองตามสิ่งที่ตลาดกำลังทำแบบเรียลไทม์
กลยุทธ์การเทรดรายวันที่พบได้บ่อย เช่น:
Breakout: ระบุระดับสำคัญและเข้าเทรดเมื่อราคาทะลุผ่าน
Momentum: ตามกระแสการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในทิศทางหนึ่ง
Reversal: มองหาสัญญาณว่าราคาหมดแรงและตั้งเป้าการดีดตัวกลับ
แต่ละวิธีต้องใช้ทักษะที่แตกต่างกัน และเทรดเดอร์มักจะทดสอบกลยุทธ์เหล่านี้ทั้งแบบย้อนหลัง (backtest) และแบบเรียลไทม์ (forward-test) ก่อนนำไปใช้จริง
การเทรดแบบเดย์เทรดมักดึงดูดมือใหม่ที่มองหากำไรเร็วหรือความสำเร็จแบบฉับพลัน แต่เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด หลายคนกลับโทษระบบแทนที่จะย้อนมองความเข้าใจของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกออนไลน์ก็เต็มไปด้วยข้อมูลผิดๆ ทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเทรดถึงยังคงแพร่กระจาย
บทบาทของนักสร้างคอนเทนต์และกลุ่มเทรดในโซเชียลก็สำคัญไม่แพ้กัน—ทั้งกลยุทธ์ที่อวดเกินจริง ภาพหน้าจอที่แสดงผลตอบแทนเว่อร์ๆ และคำแนะนำแบบผิวเผิน ล้วนสร้างความคาดหวังผิดๆ ให้กับเทรดเดอร์หน้าใหม่
Intraday ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางความคิด
ความจริงก็คือ การเทรดแบบวันเดย์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะมันต้องใช้วินัยทางอารมณ์ การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และความพร้อมที่จะปรับตัวได้สำเร็จในพื้นที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะถูกต้องทุกครั้ง แต่เป็นการบริหารความเสี่ยงได้ดีเมื่อผิดพลาด และเร่งทำกำไรเมื่อถูกต้อง
นักเทรดที่เข้าใจเรื่องนี้มักจะทำผลงานได้ดีกว่าผู้ที่โฟกัสแค่การตามหาชัยชนะ พวกเขามักจะจดบันทึก ประเมินผลการเทรด และปรับปรุงระบบของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
Intraday คือหนึ่งในวิธีการเทรดที่เทรดเดอร์เข้าใจผิดมากที่สุด แต่มันไม่ใช่ความวุ่นวาย หรือเส้นทางสู่ความมั่งคั่งที่รับประกันได้ แต่เป็นการปฏิบัติที่มีโครงสร้าง ซึ่งถ้าทำอย่างถูกต้อง สามารถสร้างโอกาสที่สม่ำเสมอทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง
ด้วยการตัดเสียงรบกวนและท้าทายความเชื่อผิด ๆ นักเทรดจะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล และสร้างเส้นทางการเทรดแบบวันเดย์ที่ยั่งยืนมากขึ้น
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง
2025-06-20เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต
2025-06-20ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย
2025-06-20