ความต้องการทองจีนกำลังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงตลาดโลกอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านกลยุทธ์ระยะยาวและเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่เป็นกระแสชั่วคราวเท่านั้น
ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นของจีนส่งผลให้ตลาดทองคำโลกเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกลายเป็นประเด็นพูดคุยในวงการเทรดอย่างกว้างขวาง แต่คำถามคือ การเติบโตของตลาดทองจีนครั้งนี้ เป็นแนวโน้มที่ยั่งยืนหรือแค่ความตื่นตัวชั่วคราวกันแน่?
เพื่อเข้าใจผลกระทบอย่างแท้จริง เราจึงต้องวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการปัจจัยทางเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้ตลาดทองคำพุ่งสูงขึ้นในครั้งนี้อย่างละเอียดมากขึ้น
1) การเติบโตที่ขับเคลื่อนโดยความต้องการเชิงกลยุทธ์
การที่จีนซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ได้เป็นเพียงเพราะความต้องการด้านแฟชั่นหรือผู้บริโภคทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นผลจากการดำเนินนโยบายในระดับชาติอย่างมีเป้าหมาย ธนาคารกลางของจีน (People’s Bank of China) ได้เพิ่มทองคำเข้าคลังสำรองติดต่อกันถึง 17 เดือน ทำให้จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องมากที่สุดในโลก
การซื้อทองคำจำนวนมากนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และสกุลเงินต่างประเทศอื่น ๆ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดี กลยุทธ์ของจีนครั้งนี้ยังสอดคล้องกับแนวโน้มของประเทศตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ที่ต้องการป้องกันตนเองทางการเงินจากความผันผวนระดับโลก
2) อุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นของทองคำ คือ ความต้องการภายในประเทศจีนที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่นักลงทุนรายย่อยไปจนถึงสถาบันต่าง ๆ ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ความต้องการเครื่องประดับทองฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนและเทศกาลสำคัญต่าง ๆ
นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของกองทุน ETF ทองคำภายในประเทศยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเข้าถึงการลงทุนในทองคำได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงและผลตอบแทนจริงที่ต่ำการออมเงินในธนาคารไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดอีกต่อไป จึงทำให้ประชาชนจำนวนมากหันมามองทองคำในฐานะทรัพย์สินที่มั่นคง
3) ทองจีนและวิกฤตอุปทานทั่วโลก
อีกด้านหนึ่งคือปัญหาในฝั่งอุปทาน การผลิตทองคำทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดัน โครงการเหมืองแร่ขนาดใหญ่หลายแห่งประสบกับความล่าช้า ข้อกำกับเข้มงวด หรือผลผลิตที่ลดลง แม้จีนจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก แต่ผลผลิตภายในประเทศกลับเริ่มทรงตัวและไม่เพิ่มขึ้น
เมื่ออุปทานจำกัดแต่ความต้องการโดยเฉพาะจากจีนกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงทำให้ตลาดโลกเสียสมดุล นักลงทุนและผู้ค้าในระดับโลกต่างจับตาการเคลื่อนไหวของทองคำจีนอย่างใกล้ชิด เพราะการตัดสินใจของจีนสามารถส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตลาดทองคำโลกได้
4) สัญญาณทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แฝงอยู่ในการถือทองคำ
การสะสมทองคำของจีนไม่ใช่เพียงการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างชัดเจน การที่จีนเร่งเพิ่มทองคำในคลังสำรอง สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายที่กว้างกว่าคือการผลักดันระบบการเงินโลกให้มีหลายขั้วมากขึ้น (Multipolar System)
การถือครองทองคำมากขึ้น ช่วยให้จีนลดความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของชาติตะวันตก และเพิ่มอำนาจการต่อรองในเวทีเศรษฐกิจโลก นักวิเคราะห์บางคนมองว่าแนวโน้มนี้อาจช่วยสนับสนุนบทบาทของเงินหยวนในระยะยาว หากการค้าระหว่างประเทศในอนาคตมีการใช้ทองคำหนุนหลังมากขึ้น การถือครองทองของจีนก็อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าระบบการเงินโลกในอนาคต
ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2025 โดยมีความต้องการทองคำจากจีนเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดัน
ตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) รายงานว่าปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เทรดเดอร์กำลังติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านมาตรการควบคุมเงินทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อการนำเข้าทองคำ
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดนโยบายทองคำในอนาคต
นโยบายของธนาคารกลางทั้งในจีนและประเทศอื่นๆจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มราคาทองต่อไป
คำถามที่หลายคนกำลังสงสัยคือ ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นแรงจากฝั่งจีนจะยืนระยะได้นานแค่ไหน? เพราะตามประวัติศาสตร์แล้ว ตลาดขาขึ้นไม่เคยอยู่ตลอดไป แม้ว่าหลายปัจจัยในตอนนี้จะบ่งชี้ว่าความต้องการทองคำในระยะยาวยังมีอยู่มาก แต่ในระยะสั้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการย่อตัว เช่น ถ้าเงินเฟ้อเริ่มลดลง หรือเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาเสถียร แรงจูงใจของจีนในการสะสมทองคำก็อาจลดน้อยลง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่กระแสชั่วคราว เพราะดูเหมือนว่าจีนกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่เรื่องความมั่นคงทางการเงินอย่างจริงจัง และในขณะเดียวกัน คนทั่วไปก็ยังมองหาทรัพย์สินปลอดภัยอย่างทองคำ ดังนั้น ถึงแม้ราคาจะมีขึ้นลง ความต้องการทองคำก็น่าจะยังคงอยู่ต่อไปอย่างแข็งแรง
ไม่ว่าคุณจะลงทุนในทองคำแท่ง กองทุน ETF ที่อ้างอิงราคาทองคำ หรือซื้อขายผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) กระแสการเคลื่อนไหวของทองคำจากฝั่งจีนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม นักลงทุนควรมองลึกกว่าพาดหัวข่าว และติดตามข้อมูลจากแหล่งสำคัญ เช่น ตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange) ธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China) รวมถึงรายงานจากเหมืองทองคำทั่วโลก เพื่อให้เข้าใจทิศทางของตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้ตลาดจะยังมีความผันผวนสูง แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่มีข้อมูลพร้อมและวางแผนอย่างมีระบบ
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำที่เกิดจากฝั่งจีนนั้น ไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่สะท้อนถึงแนวคิดทางเศรษฐกิจเชิงลึก พฤติกรรมของตลาด และการปรับสมดุลในระดับภูมิรัฐศาสตร์ แม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจอาจเปลี่ยนแปลง และราคาทองคำอาจมีการปรับตัวขึ้นลง แต่แรงผลักดันพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังการซื้อทองคำของจีนยังคงแข็งแรง
สำหรับนักลงทุนและนักเทรด บทเรียนที่สำคัญคือ: หมั่นหาความรู้ ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และอย่ามองข้ามบทบาทของจีนในเวทีตลาดทองคำโลก
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง
2025-06-20เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต
2025-06-20ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย
2025-06-20