Calendar Spread คืออะไร? กลยุทธ์ที่นักเทรดมือโปรเลือกใช้

2025-05-21
สรุป

เรียนรู้วิธีเทรดกลยุทธ์ Calendar Spread อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเข้าใจข้อดีความเสี่ยง และเคล็ดลับที่นำไปใช้ได้จริง เหมาะสำหรับทุกระดับประสบการณ์

Calendar Spread คือกลยุทธ์ออปชันที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรจากความแตกต่างของมูลค่าเวลาระหว่างสัญญาออปชันสองสัญญา โดยกลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายออปชันที่มีราคาใช้สิทธิเท่ากัน แต่มีวันหมดอายุต่างกัน จึงเป็นกลยุทธ์ที่เน้นเน้นการเก็งกำไรจากเวลา ไม่ใช่จากทิศทางราคาของสินทรัพย์


กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับช่วงที่คาดว่าราคาสินทรัพย์จะเคลื่อนไหวไม่มากในระยะสั้น แต่คาดว่าความผันผวนหรือมูลค่าจะเปลี่ยนแปลงในระยะยาว จึงเหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนต่ำ หรือก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญที่อาจทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญ


การทำงานของ Calendar Spread

Calendar Spread

Calendar Spread คือกลยุทธ์ที่ใช้สัญญาออปชันแบบ Call หรือ Put โดยจะเลือกออปชันที่มีราคาใช้สิทธิเท่ากัน แต่มีวันหมดอายุที่แตกต่างกันโดยทั่วไปจะเป็นการ


  • ซื้อออปชันที่มีวันหมดอายุระยะยาว

  • ขายออปชันที่มีวันหมดอายุระยะสั้น


มูลค่าของกลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับการเสื่อมค่าของเวลา ซึ่งออปชันระยะสั้นจะเสื่อมค่ารวดเร็วกว่าเมื่อนับถอยหลังเข้าสู่วันหมดอายุ นักเทรดจึงหวังให้ออปชันระยะสั้นหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า ในขณะที่ออปชันระยะยาวยังคงมีมูลค่าหรืออาจเพิ่มขึ้นได้


ตัวอย่างเช่น หากราคาหุ้นอยู่ที่ 200 ปอนด์ นักเทรดอาจซื้อออปชัน call ที่หมดอายุใน 60 วัน พร้อมกับขายออปชัน call ที่หมดอายุใน 30 วัน โดยทั้งคู่มีราคาใช้สิทธิ 200 ปอนด์ ถ้าราคาหุ้นยังคงเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ออปชันระยะสั้นจะหมดอายุไปอย่างไม่มีค่า ขณะที่ออปชันระยะยาวยังมีโอกาสสร้างกำไรอยู่


ทำไมถึงควรใช้กลยุทธ์ Calendar Spread?


นักเทรดมักเลือกใช้กลยุทธ์ Calendar Spread เพราะมีข้อดีหลายอย่าง โดยเฉพาะเมื่อต้องการลงทุนในช่วงที่คาดว่าราคาสินทรัพย์จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในระยะสั้น ข้อดีหลัก ๆ ได้แก่


  • ประโยชน์จากการเสื่อมค่าของเวลา : ออปชันระยะสั้นจะเสื่อมค่าเร็วกว่าออปชันระยะยาว

  • ใช้เงินลงทุนต่ำ : มักจะถูกกว่าการซื้อออปชั่นระยะยาวแบบแยกเดี่ยว ๆ 

  • ความเสี่ยงที่กำหนด : มีความเสี่ยงที่จำกัด เพราะขาดทุนสูงสุดจะไม่เกินเงินที่จ่ายไปในการตั้งสเปรด

  • โอกาสจากความผันผวน : สามารถได้รับประโยชน์จากความผันผวนโดยนัยที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา


โดยการใช้ประโยชน์จากปัจจัยเหล่านี้ นักเทรดจึงสามารถสร้างตำแหน่งลงทุนที่มีโอกาสได้กำไรสูง ในขณะที่ความเสี่ยงก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ง่าย


ความเสี่ยงของกลยุทธ์ Calendar Spread

แม้ว่ากลยุทธ์ Calendar Spread จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่นักเทรดควรทำความเข้าใจ ดังนี้:


  • ความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคา : การเปลี่ยนแปลงราคาสินทรัพย์อ้างอิงอย่างรวดเร็วอาจส่งผลเสียต่อสเปรด

  • การลดลงของความผันผวน : การลดลงของความผันผวนที่แฝงอยู่ อาจทำให้ออปชันระยะยาวมีมูลค่าลดลง

  • ความเสี่ยงจากการถูกบังคับใช้ก่อนกำหนด : สำหรับออปชันแบบ American-style ออปชันระยะสั้นอาจถูกบังคับใช้ก่อนหมดอายุ

  • โซนกำไรแคบ : กำไรมีแนวโน้มที่จะกระจุกตัวอยู่รอบๆ ราคาใช้สิทธิ ซึ่งจำเป็นต้องมีการคาดการณ์ที่แม่นยำ


การเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญก่อนนำกลยุทธ์ Calendar Spread ไปใช้ในตลาดจริง


ควรใช้ Calendar Spread เมื่อไหร่?


Calendar Spread เหมาะกับช่วงที่นักเทรดคาดว่าราคาสินทรัพย์จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในระยะสั้น โดยสภาพตลาดที่เหมาะสม ได้แก่


  • ตลาดที่มีแนวโน้มเป็นกลางหรือลาดเอียงเล็กน้อย : เหมาะกับการเคลื่อนไหวแบบ sideway

  • ความผันผวนที่แฝงต่ำ : โดยเฉพาะเมื่อคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นในอนาคต

  • การดทรกตามเหตุการณ์สำคัญ : เช่น รายงานผลประกอบการ การตัดสินใจนโยบาย หรือการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาค


การตั้งค่าเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดสามารถวางตำแหน่งเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากการเสื่อมค่าของเวลา และโอกาสในการเพิ่มขึ้นของความผันผวนได้


Calendar Spread vs Vertical SpreadCalendar Spread vs Vertical Spread

หลายคนอาจสับสนระหว่างกลยุทธ์ Calendar Spread กับ Vertical Spread ซึ่งเป็นกลยุทธ์ออปชันยอดนิยมทั้งคู่ โดยมีข้อแตกต่างสำคัญดังนี้


  • Calendar Spread vs Vertical Spread

  • วันหมดอายุแตกต่างกัน: ต่างกันระหว่างสัญญาระยะสั้นและยาว vs เหมือนกันทั้งสองสัญญา

  • ราคาใช้สิทธิ: เท่ากัน vs ต่างกัน (โดยมักห่างกันประมาณ 5–10 ปอนด์)

  • สภาพตลาดที่เหมาะสม : ตลาดเคลื่อนไหวแคบมีความผันผวนเพิ่มขึ้น vs ตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน

  • ต้นทุน: ต่ำ vs อาจสูงขึ้น ขึ้นกับราคาใช้สิทธิ

  • ความเสี่ยงและผลตอบแทน: ขึ้นอยู่กับเวลาและความผันผวน vs ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคา


โดยรวมแล้ว Calendar Spread เหมาะกับสถานการณ์ที่ไม่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงราคามากนัก แต่ต้องการเล่นกับเวลาและความผันผวน ส่วน Vertical Spread จะเหมาะกับตลาดที่มีทิศทางราคาชัดเจนมากกว่า


วิธีการตั้งค่า Calendar Spread

หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้กลยุทธ์ Calendar Spread นี่คือขั้นตอนพื้นฐานที่ควรรู้:


  • เลือกสินทรัพย์อ้างอิง : อาจเป็นหุ้น กองทุน ETF หรือดัชนีที่มีสภาพคล่องสูง เพื่อให้สามารถเปิด–ปิดสถานะได้ง่าย

  • ระบุราคาใช้สิทธิ : เลือกราคาที่คุณคาดว่าสินทรัพย์จะเคลื่อนไหว

  • เลือกวันที่หมดอายุ : ขายออปชันระยะสั้น (ใกล้วันหมดอายุ) ซื้อออปชันระยะยาว (ไกลวันหมดอายุ) ที่ราคาใช้สิทธิเดียวกัน

  • เปิดสถานะ : ส่งคำสั่งเป็นคำสั่งเดียว (single order) เพื่อควบคุมต้นทุนสุทธิของสเปรด

  • ติดตามและปรับกลยุทธ์ : หากราคาหรือความผันผวนเปลี่ยนไปมากอาจต้อง “roll” ไปยังสัญญาใหม่ หรือปิดสถานะเพื่อจำกัดความเสี่ยง


การดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้นักเทรดลดความผิดพลาดในการส่งคำสั่ง และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Calendar Spread ในสถานการณ์จริง


สมมติว่านักเทรดรายหนึ่งกำลังพิจารณาหุ้นที่มีราคาปัจจุบันอยู่ที่ £120 โดยเขาเชื่อว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 30 วัน แต่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงหลังจากที่บริษัทประกาศผลประกอบการในอีก 60 วัน


นักเทรดจึงวางกลยุทธ์ดังนี้:

  • ขายออปชัน Call ที่ราคาใช้สิทธิ £120 ซึ่งจะหมดอายุใน 30 วัน โดยได้รับเบี้ยประกันมา £2

  • ซื้อออปชัน Call ที่ราคาใช้สิทธิเดียวกัน คือ £120 แต่มีอายุ 60 วัน โดยต้องจ่ายเบี้ยประกัน£4

  • ต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์ (และความเสี่ยงสูงสุด) คือ £2


หากราคาหุ้นยังอยู่ใกล้ระดับ £120 เมื่อครบกำหนด 30 วัน ออปชันที่ขายไว้จะหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า ขณะที่ออปชันที่ถือไว้ระยะยาวยังเหลือเวลาและอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หากความผันผวนแฝงในตลาดปรับตัวสูงขึ้นหลังการประกาศผลประกอบการ นักเทรดสามารถเลือกปิดสถานะเพื่อรับกำไร หรือปรับตำแหน่งต่อไปตามสถานการณ์


ตัวอย่างนี้ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่ากลยุทธ์ Calendar Spread ทำงานอย่างไรเมื่อนำไปใช้จริงในตลาด


เคล็ดลับเทรด Calendar Spread ให้ได้ผลแบบมืออาชีพ


หากคุณต้องการใช้กลยุทธ์ Calendar Spread อย่างมีประสิทธิภาพลองทำตามแนวทางเหล่านี้:


  • เริ่มต้นด้วยสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง : ให้ความสำคัญกับออปชันที่มีส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ-ขาย (bid-ask spread) แคบ และมีปริมาณการซื้อขายสูง เพื่อให้เข้าออกสถานะได้ง่ายและลดต้นทุน

  • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจ : ติดตามความผันผวนแฝง (Implied Volatility) และช่วงราคาที่หุ้นเคลื่อนไหวในอดีต เพื่อประเมินว่าจังหวะเข้าเทรดเหมาะสมหรือไม่

  • หลีกเลี่ยงช่วงประกาศงบ (ในบางกรณี) : เว้นแต่คุณตั้งใจจะเก็งกำไรจากเหตุการณ์นั้นโดยตรง เพราะความผันผวนอาจพุ่งสูงและทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผน

  • ปรับตำแหน่งตามการเคลื่อนไหวของราคา : หากราคาขยับมาก อาจพิจารณาต่ออายุ (roll) ขาสั้นเพื่อรักษากลยุทธ์

  • ออกจากสถานะก่อนหมดอายุหากจำเป็น : เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกใช้สิทธิ (assignment) ควรบริหารตำแหน่งอย่างกระตือรือร้น


เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้การดำเนินกลยุทธ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด


สรุป


Calendar Spread คือกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจากการเสื่อมค่าของเวลา (Time Decay) และการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน โดยไม่จำเป็นต้องคาดการณ์ทิศทางของตลาดอย่างชัดเจน จุดเด่นของกลยุทธ์นี้อยู่ที่ความยืดหยุ่น ความเสี่ยงที่ควบคุมได้ และโอกาสในการเข้าเทรดในช่วงเวลาสำคัญ เช่น ก่อนการประกาศข่าวใหญ่ หรือในช่วงที่ตลาดนิ่ง


อย่างไรก็ตาม การใช้ Calendar Spread ให้ได้ผล ต้องอาศัยความเข้าใจในโครงสร้างราคาออปชัน การจับจังหวะที่เหมาะสม และการติดตามบริหารสถานะอย่างใกล้ชิด หากคุณพร้อมทุ่มเทเวลาเพื่อศึกษาและฝึกฝน กลยุทธ์นี้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทรงพลัง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความหลากหลายให้กับแผนการเทรดของคุณอย่างแน่นอน


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เหตุใดหุ้น PayPal จึงลดลงในปี 2025? อธิบายเหตุผลสำคัญ 7 ประการ

เหตุใดหุ้น PayPal จึงลดลงในปี 2025? อธิบายเหตุผลสำคัญ 7 ประการ

ค้นพบ 7 เหตุผลหลักที่ทำให้หุ้น PayPal ตกในปี 2025 ตั้งแต่การเติบโตที่ชะลอตัวไปจนถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดหรือไม่

2025-06-20
CFD เทียบกับหุ้น: อะไรดีกว่าสำหรับผู้เทรดที่กระตือรือร้น?

CFD เทียบกับหุ้น: อะไรดีกว่าสำหรับผู้เทรดที่กระตือรือร้น?

เปรียบเทียบการซื้อขาย CFD และหุ้นสำหรับผู้ซื้อขายที่กระตือรือร้น เรียนรู้ข้อดี ข้อเสีย และกลยุทธ์ระยะสั้น การใช้ประโยชน์ และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมที่สุด

2025-06-20
การเรียนรู้ออสซิลเลเตอร์ขั้นสูงสุด: คู่มือสำหรับผู้ซื้อขาย

การเรียนรู้ออสซิลเลเตอร์ขั้นสูงสุด: คู่มือสำหรับผู้ซื้อขาย

ค้นพบว่า Ultimate Oscillator ช่วยให้ผู้ซื้อขายวัดโมเมนตัมข้ามกรอบเวลาและหลีกเลี่ยงสัญญาณที่เข้าใจผิดในตลาดที่มีความผันผวนได้อย่างไร

2025-06-20