7 ประเภทของ Trade ที่คุณมักพบในตลาดการเงิน

2025-05-20
สรุป

สำรวจ 7 ประเภทของ Trade ที่พบบ่อยที่สุดในตลาดการเงิน ซึ่งแต่ละประเภทมีกลยุทธ์และแนวทางการเทรดที่ไม่เหมือนกัน

ตลาดการเงิน คือแหล่งรวบรวมนักลงทุนที่หลากหลาย โดยแต่ละคนมีกลยุทธ์ การป้องกันความเสี่ยง และความมุ่งมั่นที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าคุณจะเทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ คุณจะพบกับประเภทของ Trader ต่างๆ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวิธีการเทรดที่แตกต่างกัน


การเข้าใจประเภทของเหล่า Trader จะช่วยให้คุณเลือกสไตล์การเทรดที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ไลฟ์สไตล์ และอารมณ์ ตั้งแต่การเทรดระยะสั้น เน้นทำกำไรแบบรวดเร็วไปจนถึงการเทรดระยะยาว ที่ต้องอาศัยความอดทน โดยแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันในระบบนิเวศของตลาดการเงิน


7 ประเภทของ Trader คุณเป็นสายไหน?

Types of Traders in Forex

1. Day Trader (เดย์เทรดเดอร์)


Day Trader หรือ เทรดเดอร์รายวัน ชอบการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว โดยจะเข้าและออกออเดอร์ภายในเซสชันการซื้อขายเดียวกัน และจะไม่ค่อยถือยาว หรือข้ามคืน แต่จะอาศัยการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นเพื่อทำกำไร


Day Trader มักใช้ Indicator ร่วมด้วย เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI และรูปแบบกราฟแท่งเทียน ซึ่งการเทรดประเภทนี้ต้องอาศัยสมาธิอย่างมาก พร้อมกับการตัดสินใจที่รวดเร็ว บวกกับวินัย เนื่องจากการเทรดรูปแบบนี้จะต้องเข้าออกออเดอร์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีต้นทุนธุรกรรมที่สูงขึ้น ดังนั้น การเทรดให้มีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญอย่างมาก


2. Swing Trader (สวิงเทรดเดอร์)


Swing Trader มักเปิดออเดอร์นานหลายวันหรือหลายสัปดาห์ โดยมุ่งเน้นทำกำไรจากการแกว่งตัวของตลาดในระยะกลาง เทรดเดอร์กลุ่มนี้จัดอยู่ในกลุ่มระหว่าง Day Trader และนักลงทุนระยะยาว ในแง่ของระยะเวลาการเทรด พวกเขาอาศัยทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน เพื่อจับแนวโน้มในระยะสั้นถึงระยะกลาง


ในบรรดานักเทรดทุกประเภท นักเทรดสายสวิงเทรด จะมีความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องคอยติดตามตลาดอยู่ตลอดเวลา พวกเขาจะเน้นการระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มหรือ Breakout และมักจะรอสัญญาณยืนยันก่อนเข้าเทรด


3. Position Trader (โพสิชั่นเทรดเดอร์)

เทรดเดอร์ประเภทนี้จะเน้นการเทรดระยะยาวมากที่สุด ซึ่งมักจะเทรดตามแนวโน้มใหญ่ๆ ซึ่งอาจกินเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี รูปแบบการเทรดของพวกเขามักจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย และรายงานผลประกอบการ


เนื่องจากกลุ่ม Position Trader มีการถือออเดอร์ที่นานกว่าประเภทอื่นๆ และพวกเขาจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้นของตลาดน้อยมาก อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ต้องใช้ความอดทนและความเชื่อมั่นอย่างมาก อีกทั้งยังต้องมั่นคงในแผนการเทรดในช่วงที่เกิดการขาดทุน (drawdown) โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามาครอบงำการตัดสินใจ


4. Scalpers   (สเกลป์เปอร์)


Scalpers หรือ นักเทรดสายเก็งกำไร เป็นรูปแบบการเทรดระยะสั้นที่ต้องอาศัยความเร็วและความแม่นยำสูง นักเทรดกลุ่มนี้จะเปิดและปิดออเดอร์ภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที โดยพยายามทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย หากเปรียบเทียบกับ Trader ประเภทอื่นๆ นักเทรดกลุ่มนี้ต้องอาศัยการตัดสินใจที่รวดเร็วที่สุด และมักจะใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการเทรด


การเทรดแบบสเกลป์ ต้องอาศัยแพลต์ฟอร์มที่มีการส่งคำสั่งด้วยความเร็วสูง (High-frequency execution) ความหน่วงต่ำ (Low latency) และการหลุดราคาที่น้อยที่สุด (Minimal slippage) ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Scalpers มักจะเทรดในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ช่วงตลาดเปิดหรือปิด เพื่อให้สามารถเข้าออกออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่ากำไรต่อเทรดจะน้อย แต่การเทรดในปริมาณมากสามารถนำไปสู่ผลตอบแทนที่น่าพอใจ


5. Algorithmic Trader (อัลกอริทึมเทรดเดอร์)


หนึ่งในประเภทของ Trader ที่มีเทคนิคมากที่สุดคือ นักเทรดสายอัลกอริทึม พวกเขาจะพัฒนาระบบอัตโนมัติหรือบอทเทรด ให้ทำการซื้อขายตามระบบที่กำหนดไว้ โดยระบบเหล่านี้จะอิงจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) พฤติกรรมราคา (Price Action) หรือโมเดลทางสถิติ


ข้อได้เปรียบที่สุด คือ เทรดเดอร์กลุ่มนี้ จะตัดอารมณ์ออกจากกระบวนการตัดสินใจ และสามารถเทรดในหลายตลาดและหลายช่วงเวลาได้พร้อมกัน แม้ว่าวิธีนี้จะถูกใช้โดยสถาบันการเงินเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยก็เริ่มหันมาใช้กลยุทธ์อัลกอริทึมมากขึ้น ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มเทรดที่ใช้งานง่าย และเครื่องมือการเขียนโค้ดที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น


6. Trend Followers (เทรดเดอร์ตามเทรนด์) 


กลุ่ม Trend Followers มุ่งเน้นในการระบุและทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มีทิศทางชัดเจนและต่อเนื่อง พวกเขามักใช้เครื่องมืออย่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) อินดิเคเตอร์โมเมนตัม (Momentum Indicators) และเส้นแนวโน้ม (Trendlines) เพื่อเข้าสู่การเทรดในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลักของตลาด


Trader ประเภทนี้จะพยายาม ถือออเดอร์ให้นานที่สุดเท่าที่แนวโน้มยังดำเนินอยู่ และบางครั้งจะใช้ Trailing Stop Loss เพื่อป้องกันกำไรที่ได้มา


กลยุทธ์แบบตามเทรนด์สามารถนำไปใช้ได้กับหลายช่วงเวลา (Multi-timeframe) และได้รับความนิยมเป็นพิเศษในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน เช่น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ หรือตลาดดัชนีหลัก ๆ หัวใจสำคัญของความสำเร็จ คือ ไม่พยายามทำนายจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของราคา แต่เลือกที่จะ "ตามกระเเสของเทรนด์" พร้อมมีแผน Stop loss ที่ชัดเจน


7. Contrarian Traders (นักเทรดสายสวนทาง)


Contrarian Traders จะเทรดสวนทางกับความเชื่อหรืออารมณ์ของตลาดในขณะนั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อคนส่วนใหญ่ในตลาดมีมุมมองเชิงบวก (Bullish) นักเทรดสายสวนจะมองหาสัญญาณว่าตลาดเริ่มมีภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และอาจใกล้ถึงจุดกลับตัว แต่เมื่อผู้คนส่วนใหญ่เกิดความกลัวและขายออก (เช่นในช่วงตลาดขาลง) พวกเขากลับมองหาโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่า (Undervalued)


เทรดเดอร์ประเภทนี้มักจะพึ่งพาการวิเคราะห์อารมณ์ ความแตกต่างของปริมาณ และตัวบ่งชี้ที่สวนทางกัน เช่น อัตราส่วน VIX หรือ Put-Call ซึ่งกลยุทธ์นี้ต้องการ จังหวะที่แม่นยำ และ ความกล้าหาญที่จะคิดต่างจากคนส่วนใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อจิตวิทยาการเทรดและสร้างแรงกดดันทางอารมณ์ได้มากพอสมควร


การเลือกสไตล์การเทรดที่ถูกต้องสำหรับคุณ

What Type of Trader Are You

เนื่องจากประเภทของ Trader ในตลาดมีความหลาหลาย สิ่งสำคัญคือการค้นหาแนวทางที่ เหมาะสมกับเป้าหมายส่วนตัว เวลาในการเทรด และระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ เช่น คุณรู้สึกสบายใจกับการตัดสินใจอย่างรวดเร็วภายใต้ความกดดันหรือไม่? หรือคุณชอบแนวทางที่วิเคราะห์อย่างเป็นระบบและถือระยะยาวมากกว่า?


หากคุณชอบความตื่นเต้นของตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว และการเก็งกำไรในระยะสั้น การเทรดรายวัน หรือ สเกลปิ้ง อาจเหมาะกับคุณ แต่ถ้าคุณชอบการวิเคราะห์และการสังเกตแนวโน้ม การเทรดแบบสวิงเทรด หรือ โพสิชันเทรด อาจตอบโจทย์มากกว่า สำหรับผู้ที่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ด หรือชอบใช้ข้อมูลเชิงสถิติในการตัดสินใจ การเทรดแบบอัลกอริทึม เป็นอีกตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและสามารถขยายขนาดได้ง่าย


การรู้ว่าสไตล์ไหนที่เหมาะกับคุณนั้นจะช่วยในการพัฒนาแผนการเทรดให้มีประสิทธิ ตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง และหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากการเลือกกลยุทธ์ที่ไม่ตรงกับตัวคุณ

สรุป


ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือกำลังปรับกลยุทธ์การเทรดของตัวเอง สิ่งสำคัญคือการเข้าใจประเภทของเทรดเดอร์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตลาด ตั้งแต่นักเทรดรายวัน ไปจนถึงนักเทรดสายสวน ซึ่งแต่ละกลุ่มมีจุดแข็ง จุดอ่อน และผลกระทบต่อตลาดที่แตกต่างกัน การค้นหาสไตล์การเทรดที่เหมาะสม จะพาคุณพัฒนาไปตามประสบการณ์และความเข้าใจในจิตวิทยาการเทรดของตัวเองมากขึ้น


หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนสไตล์การเทรดบ่อยเกินไป ควรใช้เวลาศึกษาแต่ละวิธี ทดลองในบัญชี Demo และประเมินว่าวิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด โดยการเลือกวิธีที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคุณ จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการเทรดมากขึ้น


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง

2025-06-20
การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต

2025-06-20
ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย

2025-06-20