10 ETF ต่างประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนที่หลากหลาย

2025-04-22
สรุป

การลงทุนใน ETF ต่างประเทศช่วยสร้างความหลากหลายและกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน โดยเข้าถึงตลาดทั่วโลกและอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

การลงทุนในกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ (ETF) หรือที่เรียกว่า ETF ต่างประเทศเป็นวิธีที่ดีในการเข้าถึงตลาดโลกและสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นในประเทศ


ETF เหล่านี้ครอบคลุมการลงทุนในหลากหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยให้สามารถกระจายความเสี่ยงและสร้างการลงทุนที่สมดุลได้ง่ายขึ้น จนถึงปี 2025 ETF ต่างประเทศหลายตัวได้แสดงผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจ ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน


ต่อไปนี้คือ 10 ETF ต่างประเทศที่ดีที่สุด พร้อมทั้งแนะนำคุณสมบัติสำคัญและผลการดำเนินงานของแต่ละตัว


10 ETF ต่างประเทศยอดนิยมที่ควรลงทุนในปี 2025 และอนาคต

10 ETF ต่างประเทศยอดนิยมที่ควรลงทุนในปี 2025 และอนาคต - EBC

1. Vanguard Total International Stock ETF (VXUS)

VXUS เป็นกองทุนที่ให้การเข้าถึงหุ้นต่างประเทศอย่างครอบคลุม โดยไม่รวมหุ้นสหรัฐฯ และเน้นการลงทุนในทั้งตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ในปี 2025 กองทุนนี้น่าสนใจมากเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกและการหมุนเวียนของตลาดในแต่ละภูมิภาค ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ พบกับการประเมินมูลค่าสูงและการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัว ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป กลับดูน่าสนใจขึ้นเนื่องจากการประเมินมูลค่าที่ต่ำกว่าและการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจ


VXUS ติดตามดัชนี FTSE Global All Cap ex-US ซึ่งครอบคลุมทั้งตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ด้วยการถือหุ้นมากกว่า 8,500 ตัวทำให้สามารถกระจายการลงทุนได้อย่างกว้างขวาง


จนถึงต้นปี 2025 VXUS ทำผลตอบแทนจากต้นปีได้ถึง 9.2% ซึ่งดีกว่ากองทุน SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) ที่ลดลง 3.2% ในช่วงเดียวกัน


2. iShares Core MSCI EAFE ETF (IEFA)

IEFA มุ่งเน้นการลงทุนในตลาดที่พัฒนาแล้วในยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออก โดยไม่รวมทวีปอเมริกาเหนือ กองทุนนี้มีสัดส่วนการลงทุนสูงในประเทศสำคัญ ๆ เช่น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ซึ่งครอบคลุมบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการปกครองที่มั่นคง ตลาดทุนที่พัฒนาแล้ว และการเติบโตของการส่งออก


เมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว หุ้นต่างประเทศในตลาดที่พัฒนาแล้วจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนชาวสหรัฐฯ เนื่องจากผลกระทบที่ดีจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน


อีกทั้ง IEFA ยังมีอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำเพียง 0.07% ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเข้าถึงหุ้นของบริษัทใหญ่ระดับโลกในต้นทุนที่คุ้มค่า


3. iShares Core MSCI Total International Stock ETF (IXUS)

IXUS ให้การเข้าถึงหุ้นต่างประเทศคล้ายกับ VXUS แต่ติดตามดัชนี เช่น MSCI ACWI ex USA ซึ่งเน้นการลงทุนในตลาดที่พัฒนาแล้วมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีการลงทุนในภูมิภาคเอเชียและละตินอเมริกาที่กำลังเติบโต


ในปี 2025 เมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มอ่อนค่าหลังจากการแข็งค่ามานาน กองทุนนี้อาจได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอัตราแลกเปลี่ยน


IXUS ให้การเข้าถึงหุ้นต่างประเทศโดยไม่รวมหุ้นสหรัฐฯ โดยติดตามดัชนี MSCI ACWI ex USA ซึ่งครอบคลุมหุ้นต่างประเทศกว่า 4,400 ตัว โดยมีการกระจายการลงทุนในภูมิภาคยุโรป 41.6%, แปซิฟิก 26.5%, และตลาดเกิดใหม่ 25.2% นอกจากนี้ กองทุนนี้ยังมีอัตราค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำเพียง 0.07% และให้ผลตอบแทนจากการจ่ายปันผล 2.95%


4. Vanguard FTSE All-World ex-US ETF (VEU)

VEU เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบกระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องเลือกกองทุนรายภูมิภาคด้วยตัวเอง จุดเด่นของกองทุนนี้คือการเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางจากประเทศทั่วโลก (ยกเว้นสหรัฐฯ) ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาว มากกว่าการเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่หวือหวาในระยะสั้น


กองทุน VEU ติดตามดัชนี FTSE All-World ex-U.S. และมีการถือครองหุ้นประมาณ 3,842 ตัวโดยกระจายการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ลักษณะใกล้เคียงกับ VXUS ทั้งยังมีค่าธรรมเนียมบริหารเพียง 0.07% และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 3.30%


5. iShares MSCI Poland ETF (EPOL)

โปแลนด์ถือเป็นหนึ่งในประเทศดาวรุ่งของยุโรปตะวันออก ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป แรงหนุนหลักมาจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ต่อเนื่อง และการที่บริษัทข้ามชาติเริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากเอเชีย ส่งผลให้ภาคการผลิตของโปแลนด์กลับมาคึกคักอีกครั้ง


กองทุน EPOL เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นของบริษัทชั้นนำในโปแลนด์ โดยอ้างอิงตามดัชนี MSCI Poland IMI 25/50 สะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ ณ ต้นปี 2025 กองทุนนี้ทำผลตอบแทนไปแล้วถึง 39% ตั้งแต่ต้นปีนับว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับกองทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะประเทศอื่น ๆ


6. DFA Dimensional International Small Cap Value ETF (DISVX)

หุ้นขนาดเล็กที่มีมูลค่าต่ำ (Small-cap value) มักถูกมองข้ามในพอร์ตการลงทุนระดับโลก แต่ในความเป็นจริงกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ต โดยเฉพาะในปี 2025 DISVX โดดเด่นจากการเน้นลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดเล็กของต่างประเทศ ซึ่งมักมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงต้นของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก


บริษัทที่อยู่ในกลุ่มนี้มักเน้นการดำเนินงานภายในประเทศ และได้รับประโยชน์โดยตรงจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมในประเทศนั้น ๆ อีกทั้งหุ้นกลุ่มนี้ยังมีระดับการประเมินมูลค่าที่ต่ำกว่าหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโต ทำให้ DISVX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหากลยุทธ์แบบสวนกระแส และต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยตลาดในระยะยาว


7. First Trust Germany AlphaDEX Fund (FGM)

เยอรมนีถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจยุโรป ด้วยความเป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรม การผลิต วิศวกรรม และเทคโนโลยีสีเขียว กองทุน FGM เลือกใช้กลยุทธ์ Smart Beta ผ่านกระบวนการคัดเลือกหุ้นของ AlphaDEX ซึ่งให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตและมูลค่า ทำให้หลีกเลี่ยงข้อจำกัดของดัชนีที่ให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด (Market Cap Weight)


เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวในปี 2025 โดยเฉพาะตลาดส่งออกของเยอรมนีที่กลับมาคึกคัก และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น กองทุน FGM จึงได้รับประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เป็นบวก ขณะเดียวกัน ตัวเลขดัชนี PMI ที่ปรับตัวดีขึ้น และความต้องการสินค้าประเภทเครื่องจักรและรถยนต์ของเยอรมนีที่สูงขึ้น ก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกองทุนนี้ในกลุ่ม Smart Beta


ณ ต้นปี 2025 FGM ทำผลตอบแทนได้แล้วถึง 29.6% นับตั้งแต่ต้นปี สะท้อนศักยภาพของตลาดหุ้นเยอรมนีและความสามารถของกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นคุณภาพของกองทุนนี้ได้อย่างชัดเจน


8. Select STOXX Europe Aerospace&Defense ETF (EUAD)

ในปี 2025 สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดยังคงดำเนินต่อไป ทำให้หลายประเทศในยุโรปเร่งเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศสมาชิก NATO และสหภาพยุโรปที่ต้องรับภาระความมั่นคงร่วมกันมากขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายในด้านนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว


กองทุน EUAD เข้าลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศและกลาโหมของยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากคำสั่งซื้อของภาครัฐ การปรับปรุงและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ และคำสั่งส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้ราคาหุ้นในกองทุนขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และทำผลงานได้เหนือกว่าตลาดหุ้นยุโรปโดยรวม


ณ ช่วงต้นปี 2025 กองทุน EUAD ทำผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีได้ถึง 46% สะท้อนความร้อนแรงของธีมการลงทุนในภาคกลาโหมที่กำลังเติบโต สำหรับผู้ที่มองหาโอกาสจากแนวโน้มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงและอวกาศ กองทุนนี้ถือเป็นหนึ่งใน ETF ต่างประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้


9. Global X Defense Tech ETF (SHLD)

ปัจจุบัน การลงทุนในเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงทางไซเบอร์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก กองทุน SHLD จึงตอบโจทย์ได้ดีในการเข้าลงทุนในบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในภาคการทหาร เช่น โดรน ระบบเฝ้าระวังด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอาวุธนำวิถี


ประเทศต่าง ๆ ในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางต่างเพิ่มงบประมาณด้านการทหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตและสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยในปี 2025 กองทุน SHLD สามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 29% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้และความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุน


สำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกในการลงทุนระยะยาวในด้านกลาโหมและเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กองทุน SHLD ถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี


10. Franklin FTSE Japan ETF (FLJP)

ในปี 2025 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ขยายตัวไปสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากการปฏิรูปในบริษัทต่าง ๆ ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินที่ช่วยส่งเสริมการเติบโต ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ทำให้การส่งออกของญี่ปุ่นมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น


นอกจากนี้ บริษัทญี่ปุ่นยังเริ่มนำกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากขึ้น เช่น การซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้น กองทุน FLJP จึงสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้ เพื่อให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและการส่งออก


กองทุน FLJP ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นโดยตรง และติดตามดัชนี FTSE Japan RIC Capped Index ซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่โดดเด่นในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออก กองทุนนี้มีค่าธรรมเนียมเพียง 0.09% ซึ่งทำให้มันเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น


ทำไมการกระจายการลงทุนทั่วโลกในปี 2025 จึงสำคัญ?

ความสำคัญของกองทุน ETF ต่างประเทศ - EBC

ในเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงกันในปัจจุบัน การพึ่งพาหุ้นภายในประเทศเพียงอย่างเดียวทำให้นักลงทุนเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากเงินเฟ้อที่กำลังจะเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย หรือความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศ การกระจายการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนเหล่านี้


ETF ต่างประเทศช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสกุลเงินที่หลากหลาย ดังนั้น ความจำเป็นในการกระจายการลงทุนจึงยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รูปแบบการเติบโตที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค และการเติบโตเฉพาะกลุ่มในบางภาคส่วนของโลก


สรุป

การนำ ETF ต่างประเทศเข้ามาในพอร์ตการลงทุนถือเป็นทางเลือกที่ดีในการกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนในการเข้าถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจจากทั่วโลก


ทั้ง 10 กองทุน ETF ต่างประเทศที่ได้แนะนำในบทความนี้มีทางเลือกที่หลากหลาย ซึ่งเหมาะสมกับนักลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงและกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและคำนึงถึงเป้าหมายทางการเงินของตนเองให้ชัดเจน


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เทรดทอง Gold Spot VS Gold Future ต่างกันยังไง? รู้ไว้ก่อนลงทุน!

เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง

2025-06-20
การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

การสิ้นสุดเส้นทแยงมุมเข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายของคุณอย่างไร?

เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต

2025-06-20
ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง?

ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย

2025-06-20