ITOT ETF คืออะไร? คู่มือการลงทุนในปี 2025

2025-06-09
สรุป

ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณหรือไม่? ทำความรู้จักกับ ITOT ETF ให้ครบถ้วน ทั้งวิธีการทำงาน สินทรัพย์ที่ถือครอง และว่าเหมาะกับกลยุทธ์การลงทุนของคุณหรือไม่

ในยุคที่มีแต่กองทุนเฉพาะกลุ่มและกองทุนตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย กองทุน ETF ที่เน้นการลงทุนครอบคลุมทั้งตลาดอย่าง iShares Core S&P Total U.S.Stock Market ETF (ITOT) กลับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่อยากกระจายความเสี่ยงและลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ได้อย่างครบวงจร


ในปี 2025 กองทุน ITOT มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากถึง 45 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความนิยมในฐานะ “ตั๋วใบเดียว” ที่ช่วยให้คุณลงทุนในหุ้นทั่วตลาดสหรัฐฯได้อย่างสะดวก


แล้ว ITOT มีอะไรในพอร์ตบ้าง? และทำไมนักลงทุนถึงควรให้ความสนใจในปีนี้? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเหตุผลว่าทำไม ITOT ETF ตัวนี้ถึงน่าสนใจ พร้อมแนะนำผ่านแพลตฟอร์ม ETD CFD ของเราให้คุณได้ลองลงทุน


ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ITOT ETF

กองทุน ITOT ETF 2025

กองทุน ITOT เปิดตัวในปี 2004 และติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี S&P Total Market Index ซึ่งครอบคลุมหุ้นในตลาดสหรัฐฯ ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก และไมโคร โดยมีสินทรัพย์มากกว่า 4,000 ตัวช่วยให้นักลงทุนได้เข้าถึงหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกาแทบทุกกลุ่ม


ในปี 2025 กองทุน ITOT มีอัตราค่าใช้จ่ายเพียง 0.03% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอัตราที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมทั้งมีการซื้อขายรายวันผ่านโบรกเกอร์รายใหญ่ ทำให้ ITOT เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับความหลากหลายของตลาดหุ้นทั้งหมดด้วยต้นทุนต่ำและความสะดวกสบาย


บทบาทของ ITOT ในกลยุทธ์พอร์ตการลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนแบบสมดุล ITOT สามารถทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบหลักของหุ้นได้  ด้วยผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมแตกต่างจากกองทุน ETF ที่เน้นเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้ ITOT ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในอุตสาหกรรมเดียวและเพิ่มความหลากหลายของพอร์ต


ในแนวทางการจัดสรรสินทรัพย์แบบ "Core-and-Satellite" ITOT มักเป็นตัวกลางสำคัญ นักลงทุนอาจเพิ่มการลงทุนใน Satellite เช่น กองทุน ETF ต่างประเทศ กองทุนพันธบัตร หรือธีมการลงทุนเฉพาะทาง แต่ยังคงใช้ ITOT เป็นฐานของการลงทุนในหุ้น เพื่อความมั่นคง ต้นทุนต่ำ และง่ายต่อการปรับสมดุลพอร์ตลงทุน


ภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังของ ITOT ETF (2004–2025)

ภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังของ ITOT ETF

1. การเริ่มต้นและช่วงปีแรก (2004–2010)

  • วันที่เปิดตัว: 20 มกราคม 2004

  • ITOT มอบการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่หลากหลายและต้นทุนต่ำ

  • ระหว่างปี 2004–2007 กองทุนทำผลตอบแทนดีตามแนวโน้มตลาดขาขึ้น

  • วิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008: ITOT ร่วงลงอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับการล่มสลายของหุ้นสหรัฐฯ

  • เริ่มฟื้นตัวในปี 2009 ด้วยผลตอบแทนราว 28% จากการฟื้นตัวของตลาด


2. การเติบโตหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว (2011–2019)

ทศวรรษนี้ถือเป็นตลาดกระทิงที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ปี ผลตอบแทนประจำปี ความคิดเห็น
2011 1.2% ตลาดซบเซา
2012 16.2% ตลาดดีดตัวแรง
2013 33.2% การสนับสนุนจาก Fed
2014 12.5% เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง
2015 0.9% ความผันผวนและการปรับฐาน
2016 12.4% ตลาดฟื้นหลังเลือกตั้ง
2017 21.0% ความหวังจากการปฏิรูปภาษี
2018 -5.3% ความกังวลสงครามการค้า
2019 30.7% หุ้นเทคโนโลยีและ Fed ลดดอกเบี้ย
  • ในช่วงนี้ ITOT ETF ทำผลตอบแทนดีกว่า Active ETF หลายราย

  • อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ระหว่าง 2010–2019 อยู่ที่ประมาณ 13%


3. ช่วงโรคระบาดและการฟื้นตัว (2020–2021)


ปี ผลตอบแทนประจำปี เหตุการณ์สำคัญ
2020 20.7% ตลาดร่วงจากโรคระบาด แต่หุ้นเทคโนโลยีพุ่ง
2021 25.2% ตลาดขาขึ้นต่อเนื่องจากสภาพคล่องและหุ้นเทคโนโลยี
  • ในเดือนมีนาคม 2020 ITOT ลดลงมากกว่า 30% แต่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

  • ช่วงโรคระบาดแสดงให้เห็นถึงพลังของการกระจายการลงทุน โดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ช่วยหนุนดัชนี


4. ช่วงปรับฐานและเงินเฟ้อ (2022–2023)

ปี ผลตอบแทนประจำปี ปัจจัยสำคัญ
2022 -19.5% การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed, เงินเฟ้อ
2023 +15.6% การฟื้นตัวจาก AI และหุ้นเทคโนโลยี
  • ปี 2022 กองทุนได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ

  • ปี 2023 ฟื้นตัวดีขึ้นจากกระแสการลงทุนใน AI บริษัทผลิตชิป และหุ้นเทคโนโลยีที่ฟื้นตัว


5. ผลการดำเนินงานล่าสุดในปี 2024–2025

ปี ผลตอบแทน YTD (ณ เดือนพฤษภาคม 2025) ความคิดเห็น
2024 12.3% ตลาดขาขึ้นโดยหุ้นขนาดใหญ่และกลางมีผลดี
2025 6.1% (ณ ปัจจุบัน) ผลตอบแทนจากหุ้นเทคโนโลยีและความผันผวนระดับปานกลาง
  • ณ เดือนพฤษภาคม 2025 ITOT ยังคงทำผลตอบแทนได้ดีและกระจายความเสี่ยงได้ดี

  • หุ้นAI, เซมิคอนดักเตอร์, บริการการเงิน และระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก


หุ้นขนาดเล็กและกลางช่วยเสริมผลตอบแทนในไตรมาส 1–2 ของปี 2025 เมื่อแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น


ผลตอบแทนเฉลี่ยรายปี (ณ เดือนพฤษภาคม 2025)

ระยะเวลา ผลตอบแทน ITOT ดัชนีอ้างอิง (S&P 500)
1 ปี 15.1% 14.8%
3 ปี 8.5% 8.7%
5 ปี 11.7% 11.5%
10 ปี 12.4% 12.2%
ตั้งแต่เริ่มกองทุน ~9.5% ~9.3%


คุณสมบัติหลักและตัวชี้สำคัญของ ITOT ในปี 2025

1) การครอบคลุมตลาดอย่างครอบคลุม

ดัชนี S&P Total Market Index ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของ ITOT ประกอบด้วย:

  • หุ้นขนาดใหญ่และกลางประมาณ 2,500 บริษัทจาก S&P Composite 1500

  • หุ้นขนาดเล็กและไมโครเพิ่มเติมอีกประมาณ 1,600 บริษัท


การกระจายตัวที่กว้างขวางนี้ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงหุ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ขนาดของบริษัท และวัฏจักรทางเศรษฐกิจต่าง ๆ


2) ต้นทุนต่ำเป็นพิเศษ

ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายเพียง 0.03% ทำให้ ITOT ยังคงสามารถแข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่น Vanguard VTI (0.03% )และกองทุนรวมของ Schwab อย่าง SWTSX (0.03%)


ต้นทุนที่ต่ำมากนี้ดึงดูดทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนสุทธิสูงสุด


3) ประสิทธิภาพภาษีและสภาพคล่องสูง

ด้วยโครงสร้างแบบ ITOT ETF จึงมีสภาพคล่องสูงมักมีสเปรดที่แคบ


นอกจากนี้ ระบบการไถ่ถอนแบบ "in-kind" ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางภาษี โดยลดการกระจายกำไรจากการขายสินทรัพย์ (capital gains) ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถือครองในบัญชีที่ต้องเสียภาษี


เหตุผลที่ควรลงทุนใน ITOT ETF ตอนนี้

เหตุผลที่ควรลงทุนใน ITOT ETF ตอนนี้


1. กระจายความเสี่ยงได้ง่ายและครอบคลุม

ITOT ETF รวมหุ้นสหรัฐฯ ทุกขนาดทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก และไมโคร ครอบคลุมทั้งหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า (Growth&Value) ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาหุ้นหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมากเกินไป ทำให้นักลงทุนสามารถเปิดรับตลาดโดยรวมได้โดยไม่ต้องจัดพอร์ตให้ซับซ้อน


2. ค่าธรรมเนียมต่ำและโครงสร้างภาษีที่เป็นมิตร

ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำเพียง 0.03% นักลงทุนจึงสามารถเก็บผลตอบแทนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกทั้งโครงสร้าง ITOT ETF ยังช่วยลดการกระจายกำไรจากการขาย ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ลงทุนผ่านบัญชีที่มีภาระภาษี เพราะช่วยลดโอกาสเจอกับภาษีไม่คาดคิด


3. เหมาะสำหรับเป็นแกนหลักของพอร์ตลงทุน

ITOT ETF เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเลือกหุ้นรายตัวหรือวิเคราะห์กลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้วุ่นวาย มันคือ “ตัวแทนของทั้งตลาด” ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังเหมาะสำหรับเป็นฐานหลักของพอร์ตการลงทุนแบบพาสซีฟ



แนวทางการใช้งาน ITOT ETF ในพอร์ตการลงทุน

1. กลยุทธ์ Core-and-Satellite

ใช้ ITOT ETF เป็นแกนหลักของพอร์ตในส่วนของหุ้นสหรัฐฯ แล้วเสริมด้วยกองทุน ETF หุ้นต่างประเทศ เช่น IXUS หรือ VEU และกองทุนตราสารหนี้ เช่น BND หรือ AGG เพื่อสร้างพอร์ตที่สมดุลและหลากหลาย


2. บัญชีเพื่อการเกษียณ (Retirement Accounts)

เหมาะสำหรับการลงทุนในบัญชีประเภท IRA หรือ 401 (k) เพราะเน้นการเติบโตระยะยาวและประหยัดภาษี สามารถปรับพอร์ตปีละครั้งหรือทุกครึ่งปีได้อย่างสะดวก


3. บัญชีที่ต้องเสียภาษี (Taxable Accounts)

จากการที่ ETF มีการกระจายกำไรจากการขายน้อยมาก นักลงทุนจึงควบคุมจังหวะของการขายและภาระภาษีได้เอง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบชัดเจนของ ETF อย่าง ITOT เมื่อเทียบกับกองทุนรวมแบบดั้งเดิม


ความเสี่ยงที่ควรระวัง

แม้ว่า ITOT จะมีข้อดีหลายด้าน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ควรคำนึงถึง เช่น การถือหุ้นขนาดเล็กอาจทำให้พอร์ตผันผวนสูงในช่วงตลาดขาลง ความตึงเครียดทางการเมืองหรือการค้าระหว่างประเทศอาจส่งผลกระทบต่อ ETF ที่เน้นหุ้นสหรัฐฯ อย่าง ITOT


แม้ค่าความคลาดเคลื่อนจากดัชนีอ้างอิง (Tracking Error) จะต่ำ แต่ก็อาจเกิดความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยในช่วงตลาดผันผวน นักลงทุนชาวแคนาดาหรือชาวต่างชาติควรศึกษาผลกระทบจากสนธิสัญญาภาษีสหรัฐฯ และการหักภาษีจากเงินปันผลด้วย


สรุป


หากคุณกำลังมองหาการลงทุนที่เรียบง่าย คุ้มค่า และครอบคลุมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งระบบ ITOT ETF คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในยุคนี้ ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก การกระจายการลงทุนที่กว้างขวาง และโครงสร้างภาษีที่เป็นมิตร ทำให้เหมาะทั้งกับนักลงทุนมือใหม่ที่เริ่มจัดพอร์ตด้วยตัวเอง และผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ


ITOT ETF เหมาะสำหรับผู้ที่อยาก “เป็นเจ้าของตลาดหุ้นสหรัฐฯ” โดยไม่ต้องเลือกหุ้นทีละตัวหรือวางแผนให้ยุ่งยาก แต่เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความสมดุลยิ่งขึ้น แนะนำให้จับคู่ ITOT กับ ETF ที่ลงทุนในต่างประเทศและกองทุนตราสารหนี้ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

USD/CAD กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน: ระดับ 1.3820 จะเป็นระดับการทะลุแนวรับหรือไม่?

USD/CAD กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน: ระดับ 1.3820 จะเป็นระดับการทะลุแนวรับหรือไม่?

USD/CAD พุ่งขึ้นใกล้เส้น EMA 20 วัน เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการเจรจาการค้าส่งผลต่อความรู้สึกของตลาด

2025-06-19
ตัวบ่งชี้ปริมาณตัวใดดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย?

ตัวบ่งชี้ปริมาณตัวใดดีที่สุดสำหรับผู้ซื้อขาย?

สำรวจตัวบ่งชี้ปริมาณอันทรงพลัง 5 ตัว ได้แก่ OBV, VWAP, A/D Line, CMF และ Volume Profile เพื่อปรับปรุงการยืนยันแนวโน้มและจังหวะเวลาการซื้อขาย

2025-06-19
วิธีการเทรดตามกลยุทธ์ Break และ Retest เหมือนมืออาชีพ

วิธีการเทรดตามกลยุทธ์ Break และ Retest เหมือนมืออาชีพ

ต้องการซื้อขายแบบ breakout ให้ประสบความสำเร็จหรือไม่ เรียนรู้วิธีการ breakout และทดสอบซ้ำที่มืออาชีพใช้เพื่อรับการซื้อขายที่มีความน่าจะเป็นสูงพร้อมความเสี่ยงที่ลดลง

2025-06-19