ทำนายราคาทองเมษายน 2025 ควรซื้อหรือขาย?

ในเดือนเมษายน 2025 ราคาทองคำมีความผันผวนอย่างมาก โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนที่จะปรับตัวลดลง การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์หลายประการ ซึ่งทำให้นักลงทุนต้องทบทวนการลงทุนในตลาดทองคำอีกครั้ง

บทวิเคราะห์นี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ รวมถึงการวิเคราะห์เครื่องมือทางเทคนิค และการทำนายราคาทองคำสำหรับเดือนเมษายน 2025 รวมถึงแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2025

แนวโน้มราคาทองคำปัจจุบัน

ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 2025 ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในวันที่ 2 เมษายน ราคาฟิวเจอร์สทองคำสำหรับการส่งมอบเดือนเมษายนปิดที่ 3,139.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การปรับตัวขึ้นนี้เกิดจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการประกาศเก็บภาษีใหม่ และการที่ธนาคารกลางยังคงมีความต้องการทองคำอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาทองคำก็มีการปรับฐานลงเล็กน้อย เมื่อวันที่ 4 เมษายน ราคาทองคำปรับตัวลงมาอยู่ที่ 3,113.89 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 1.54% จากราคาปิดก่อนหน้า การปรับตัวลงนี้ได้รับผลกระทบจากการเทขายในตลาดหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้หลายฝ่ายต้องขายสินทรัพย์เพื่อระดมเงินสดในช่วงที่ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น

แนวโน้มขาลงนี้ยังคงต่อเนื่อง โดยในวันที่ 7 เมษายน ราคาทองคำสปอตลดลงไปอยู่ที่ 3,012 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.17% จากราคาเปิดที่ 3,110.15 ดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำนายราคาทองคำในเดือนเมษายน 2025

มีหลายปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังความผันผวนของราคาทองคำในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ดังนี้:

1) ความตึงเครียดทางการค้าและนโยบายภาษี: เมื่อต้นเดือนเมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ รวมถึงภาษี 25% สำหรับรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ขณะที่จีนก็ไม่อยู่เฉย ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 34% สถานการณ์นี้สร้างความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้นักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ

2) การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง: ธนาคารกลางหลายแห่งยังคงเดินหน้าเพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธนาคารกลางของจีน ซึ่งเพิ่มทองคำสำรองเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน สะท้อนถึงความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่มั่นคงยังคงแข็งแกร่ง

3) ความผันผวนของตลาดและพฤติกรรมของนักลงทุน: หลังการประกาศเก็บภาษี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงเทขายครั้งใหญ่ บางฝ่ายถึงกับมองว่าเป็นการร่วงหนักที่สุดในรอบ 30 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ นักลงทุนจำนวนมากเริ่มลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐ และหันไปหาสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่า เช่น ทองคำ เงิน เยน และฟรังก์สวิส

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและแนวรับสำคัญ

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในอนาคตได้ดังนี้:

• แนวรับและแนวต้าน: ราคาทองคำเพิ่งดีดตัวกลับขึ้นจากบริเวณแนวรับใกล้ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเคยเป็นจุดหยุดการปรับฐานย่อยมาก่อน โดยบริเวณนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากขอบล่างของ Bollinger Band รายวัน และเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ลากจากเดือนมกราคม

• ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ RSI: ดัชนี RSI (Relative Strength Index) ระยะ 14 วัน ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำน่าจะยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม การรักษาระดับราคาที่สูงกว่า 3,000 ดอลลาร์เป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาแนวโน้มนี้

การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และแนวทางพิจารณาการลงทุน

นักวิเคราะห์มีมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับทิศทางราคาทองคำในอนาคต:

• Deutsche Bank ปรับเพิ่มประมาณการราคาทองคำเฉลี่ยในปี 2025 และ 2026 ขึ้นเป็น 3,139 ดอลลาร์และ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ

• Bank of America คาดว่าราคาทองคำอาจแตะ 3,400 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลจากการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางและความสนใจของนักลงทุนรายย่อย

• Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ 3,300 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี ขณะที่ Macquarie Group มองว่าราคาจะขึ้นไปถึง 3,500ด อลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม มีบางมุมมองที่ไม่สอดคล้องกัน เช่น Jon Mills จาก Morningstar คาดว่าราคาทองคำอาจลดลงเหลือเพียง 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยให้เหตุผลจากอุปทานทองคำที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่ลดลงทั้งจากนักลงทุนและธนาคารกลาง

จากสภาพตลาดในปัจจุบัน นักลงทุนควรพิจารณาประเด็นต่อไปนี้:

• การกระจายความเสี่ยง: การเพิ่มทองคำเข้าไปในพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย สามารถช่วยป้องกันความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

• จังหวะในการลงทุน: การติดตามสัญญาณทางเทคนิคและระดับแนวรับสามารถช่วยระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าหรือออกจากการลงทุนในทองคำ

• การประเมินความเสี่ยง: การเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ เช่น เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายของธนาคารกลาง เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูล

แนวโน้มราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี 2025

นักวิเคราะห์หลายรายได้ออกมาให้การคาดการณ์ที่แตกต่างกันเกี่ยวกับราคาทองคำตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี 2025 ดังนี้:

• Goldman Sachs ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปีเป็น 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยให้เหตุผลจากความต้องการทองคำที่ต่อเนื่องจากธนาคารกลาง

• J.P.Morgan Research คาดว่าราคาทองคำอาจปรับขึ้นไปใกล้ระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปี 2025 โดยเฉลี่ยในไตรมาส 4 อยู่ที่ประมาณ 2,950 ดอลลาร์

• InvestingHaven วิเคราะห์ว่าราคาทองคำอาจขึ้นไปแตะ 3,275 ดอลลาร์ในปี 2025 และ 3,805 ดอลลาร์ในปี 2026 โดยมีแนวโน้มจะไปถึง 5,155 ดอลลาร์ภายในปี 2030

การคาดการณ์เหล่านี้สะท้อนมุมมองเชิงบวกโดยรวมต่อทองคำ โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญ ได้แก่ การซื้อทองคำของธนาคารกลาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่

สรุป

ตลาดทองคำในเดือนเมษายน 2025 สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของความตึงเครียดทางการค้า การเคลื่อนไหวของธนาคารกลาง และความผันผวนในตลาดโดยรวม แม้สัญญาณทางเทคนิคจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการพักฐานของราคา แต่ภาพรวมยังคงเป็นบวก โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2025

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามทั้งสัญญาณเชิงเทคนิคและปัจจัยทางเศรษฐกิจในวงกว้างอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในทองคำอย่างรอบคอบ

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ