简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

ผลกระทบของแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปี 2566 ต่อตลาดทุน

เผยแพร่เมื่อ: 2023-08-09    อัปเดตเมื่อ: 2025-01-17

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) คือการที่ธนาคารกลางปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เพื่อควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ โดยทั่วไป การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ดอกเบี้ยสินเชื่อจากธนาคาร บัตรเครดิต และการกู้ยืมระยะสั้นอื่น ๆ สูงขึ้น


ตารางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สำหรับปี 2566

2023 Schedule for Fed Rate Hikes

ส่วนเวลาที่แน่นอนนั้นยังต้องได้รับการยืนยันจากตลาด


ผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อตลาดทุน

อัตราดอกเบี้ยในตลาดที่สูงขึ้น : เมื่อธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ดอกเบี้ยของสินเชื่อจากธนาคารบัตรเครดิตและการกู้ยืมระยะสั้นอื่นๆสูงขึ้นส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยคงที่เพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดจึงสูงขึ้นตามไปด้วยนักลงทุนอาจจะเลือกถือครองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่สูงกว่าแทนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ยซึ่งอาจทำให้ราคาสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ยลดลง


การชะลอตัวของเศรษฐกิจ : การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้ความต้องการใช้จ่ายและการลงทุนลดลง ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง นอกจากนี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและธุรกิจ


การแข็งค่าของสกุลเงิน : การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมักทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้นโดยเฉพาะเมื่อธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยเพราะดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกการขึ้นดอกเบี้ยที่มากกว่าคาดการณ์อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นซึ่งจะมีผลต่อการค้าระหว่างประเทศและภูมิภาคต่างๆ


ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาในบทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน หรือเป็นการเสนอหรือเชิญชวนหรือแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนใด ๆ

บทความแนะนำ
คู่สกุลเงิน AUDUSD และกลยุทธ์การซื้อขาย
ผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อตลาดการเงิน
การประชุม Jackson Hole: คำกล่าวของ Powell ส่งผลต่อหุ้นและค่าเงินหรือไม่?
จุดประสงค์ของการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและผลกระทบต่อตลาดโลก
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เนื่องจากข้อมูลสหรัฐฯและจีนส่งสัญญาณแข็งแกร่ง