简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

กลยุทธ์ทำกำไรด้วยการใช้ Point of Control อย่างมีประสิทธิภาพ

เผยแพร่เมื่อ: 2025-10-17

Point of Control (POC) คือเครื่องมือที่ทรงพลังซึ่งเผยให้เห็นระดับราคาสำคัญที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุพื้นที่สำคัญของแนวรับ แนวต้าน และการต่อเนื่องของแนวโน้มได้


การใช้ POC อย่างเหมาะสมช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้อย่างรอบคอบทั้งในเรื่องจุดเบรกเอาต์ การกลับตัวของราคา และการบริหารความเสี่ยง


ในบทความนี้ เราจะสำรวจวิธีการใช้ POC เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของคุณและเพิ่มโอกาสทำกำไรสูงสุด


พื้นฐานของ Point of Control (POC)

พื้นฐานของ Point of Control (POC)

POC เป็นส่วนสำคัญของ Market Profile ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างกราฟที่พัฒนาโดย J. Peter Steidlmayer ในช่วงทศวรรษ 1980 Market Profile ช่วยให้นักเทรดมองเห็นกิจกรรมของตลาดตามช่วงเวลา โดย POC จะเป็นจุดอ้างอิงสำคัญ นี่คือส่วนประกอบหลัก


  • Market Profile:
    วิธีการสร้างกราฟที่แสดงการกระจายตัวของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด แสดงให้เห็นว่ามีกิจกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นมากที่สุดที่ราคาใด ซึ่งมักเป็นจุดที่ตลาดถือว่ามีมูลค่า (Value Area)


  • ปริมาณและราคา:
    POC ถูกกำหนดจากปริมาณการซื้อขายในแต่ละระดับราคา แสดงถึงระดับราคาที่มีการซื้อขายเกิดขึ้นมากที่สุด มักบ่งชี้ถึงสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย


การเปรียบเทียบ:

แม้ว่านักเทรดบางคนจะพึ่งพาอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือดัชนี RSI แต่ POC ให้มุมมองที่มีความไดนามิกมากกว่า เนื่องจากรวมข้อมูลทั้งราคาและปริมาณเข้าด้วยกัน


สิ่งนี้ทำให้ POC มีประโยชน์อย่างยิ่งในการระบุแนวโน้มของตลาด สัญญาณการกลับตัวของราคา และการคาดการณ์จุดเบรกเอาต์


การระบุ POC ในกราฟ

การระบุ POC ในกราฟ การเข้าใจวิธีระบุ POC เป็นขั้นตอนแรกในการนำไปใช้เพื่อการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือวิธีการหาตำแหน่ง POC ในกราฟของคุณ:


  • Market Profile:
    โดยใช้กราฟที่มีตัวชี้วัด Market Profile คุณจะมองเห็นการกระจายตัวของราคาและปริมาณอย่างชัดเจน POC มักเป็นจุดราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด ซึ่งแสดงอยู่ใน Value Area ซึ่งครอบคลุมประมาณ 70% ของการซื้อขายทั้งหมด


  • เครื่องมือสำหรับ POC:
    แพลตฟอร์มกราฟส่วนใหญ่ เช่น MetaTrader, TradingView และ NinjaTrader มีตัวชี้วัด Market Profile ในตัว ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุและวางตำแหน่ง POC ได้ง่าย


ตัวอย่าง:

กราฟ Market Profile แบบมาตรฐานมักแสดงเป็นเส้นโค้งทรงกระดิ่ง จุดสูงสุดของโค้งแทนค่า POC ส่วนช่วงราคาที่เกิดการซื้อขายส่วนใหญ่รอบ ๆ POC เรียกว่า Value Area


กลยุทธ์การเทรดสำคัญด้วย POC

วิธีใช้ Point of Control เพื่อทำกำไรจากการเทรด

POC มีบทบาทสำคัญในหลายกลยุทธ์การเทรด ด้านล่างนี้เป็นวิธีการเทรด POC ที่พบบ่อย:


1. POC เป็นระดับแนวรับ/แนวต้าน:

  • POC มักทำหน้าที่เป็นระดับสำคัญของแนวรับหรือแนวต้าน เมื่อราคาซื้อขายอยู่เหนือ POC จุดนี้สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับได้ และเมื่อราคาต่ำกว่า POC จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน


ตัวอย่าง: หากราคามาใกล้ POC จากด้านล่างแล้วเด้งขึ้น อาจเป็นสัญญาณของโอกาสซื้อ


2. กลยุทธ์เบรกเอาต์และกลับตัว:

  • เบรกเอาต์: เกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุเหนือหรือต่ำกว่า POC บ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางของการเบรกเอาต์

  • การกลับตัว: ใช้เมื่อราคามาใกล้ POC แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ และกลับตัวไปในทิศทางตรงกันข้าม


3. การต่อเนื่องของแนวโน้ม:

หากราคาขยับเหนือ POC และยืนได้ อาจบ่งชี้ถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มขาขึ้น ในทำนองเดียวกัน การยืนต่ำกว่า POC อาจบ่งชี้ถึงการต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง


ตัวอย่าง: หาก POC ทำหน้าที่เป็นจุด Pivot และราคายืนเหนือ POC นักเทรดอาจตีความว่าเป็นสัญญาณขาขึ้นสำหรับการต่อเนื่องของแนวโน้ม


การบริหารความเสี่ยงด้วย POC


การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการเทรด และ POC สามารถช่วยนักเทรดในด้านนี้ด้วยการให้ระดับชัดเจนสำหรับการวาง Stop-Loss การกำหนดขนาดตำแหน่ง และการจัดการการเทรด


1. การวาง Stop-Loss:

  • นักเทรดมักวางคำสั่ง Stop-Loss ใกล้กับระดับ POC หากราคาทะลุ POC อาจบ่งชี้ว่าการเทรดล้มเหลว และ Stop-Loss จะช่วยจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น


2. การกำหนดขนาดตำแหน่ง:

  • เมื่อเทรดใกล้ POC ขนาดตำแหน่งอาจปรับตามความใกล้ของราคากับ POC ยิ่งราคามาใกล้ POC มาก นักเทรดก็อาจมั่นใจในความสำคัญของจุดนี้มากขึ้น


3. ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk vs. Reward):

  • โดยวัดระยะจาก POC ไปยังแนวรับหรือแนวต้านถัดไป นักเทรดสามารถประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นในการเทรด ระยะห่างระหว่างจุดเข้าซื้อและเป้าหมายที่มากขึ้นช่วยให้มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดีกว่า


ข้อผิดพลาดทั่วไปและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ POC

Point of Control (POC)

แม้ว่า POC จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็มีข้อผิดพลาดที่นักเทรดมักทำเมื่อใช้งาน ดังนี้:


  • การพึ่งพา POC มากเกินไป:

การพึ่งพา POC เพียงอย่างเดียวโดยไม่พิจารณาปัจจัยอื่น เช่น ข่าวสารตลาด แนวโน้มโดยรวม หรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ อาจนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่ไม่ดี


  • เบรกเอาต์หลอก:

เพียงเพราะราคาทะลุเหนือหรือต่ำกว่า POC ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดแนวโน้มที่แข็งแกร่ง นักเทรดต้องรอสัญญาณยืนยัน เช่น ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือตัวชี้วัดโมเมนตัม ก่อนเข้าทำการเทรด


  • การใช้ POC เป็นอินดิเคเตอร์เดี่ยว:

นักเทรดมักเข้าใจผิดคิดว่า POC เป็นสัญญาณเดี่ยว แต่ควรใช้ควบคู่กับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ปริมาณ การอ่านรูปแบบแท่งเทียน หรือการเคลื่อนไหวของราคา


การรวม POC กับอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่น ๆ


เพื่อเสริมกลยุทธ์การเทรด นักเทรดหลายคนมักรวม POC กับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ ดังนี้:


  • การเคลื่อนไหวราคา (Point Action):

รูปแบบแท่งเทียน เช่น Pin Bar หรือ Engulfing Pattern สามารถให้สัญญาณยืนยันเพิ่มเติมเมื่อต้องเทรดรอบ ๆ POC


  • ความรู้สึกของตลาด (Market Sentiment):

POC สามารถใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ความรู้สึกตลาด เพื่อประเมินว่าผู้เข้าร่วมตลาดส่วนใหญ่สนับสนุนฝั่ง Long หรือ Short


  • การวิเคราะห์ปริมาณ (Volume Analysis):

การรวม POC กับการวิเคราะห์ปริมาณช่วยระบุระดับราคาที่ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ทำให้ POC มีความสำคัญมากขึ้นในฐานะแนวรับหรือแนวต้าน


POC เทียบกับอินดิเคเตอร์การเทรดอื่น ๆ
อินดิเคเตอร์ การใช้งานหลัก ข้อดีของ POC ข้อเสียของ POC
POC (Point of Control) ระบุระดับการยอมรับราคา แสดงสมดุลตลาดโดยตรง อาจไม่สามารถจับความผันผวนในระยะสั้นได้
VWAP (Volume Weighted Average Price) การยืนยันแนวโน้มราคาภายในวัน เหมาะกับนักเทรดระหว่างวัน มีประสิทธิภาพน้อยกว่าสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาว
Moving Average (MA) ปรับเรียบการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อระบุแนวโน้ม สามารถเน้นแนวโน้มได้คล้าย POC ล่าช้ากว่าการเคลื่อนไหวของตลาด
Relative Strength Index (RSI) การระบุสภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป ช่วยหลีกเลี่ยงกับดักการซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป อาจให้สัญญาณหลอกในตลาดมีแนวโน้มชัดเจน
Bollinger Bands วัดความผันผวนและภาวะซื้อเกิน/ขายเกิน ทำงานได้ดีกับ POC เพื่อยืนยันความผันผวน อาจทำให้เข้าใจผิดในสภาวะตลาดผันผวนต่ำ


กรณีศึกษา: ตัวอย่างการใช้งาน POC ในโลกจริง


1. การเทรดที่ประสบความสำเร็จด้วย POC:

  • ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น ราคามาใกล้ POC แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ และยืนตัวรอบ ๆ POC ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อ

  • นักเทรดที่มองเห็นจุดนี้เป็นแนวรับที่เป็นไปได้ จะเข้าออร์เดอร์ซื้อโดยวาง Stop-Loss ไว้ใต้ POC เล็กน้อย


2. การเทรดที่ล้มเหลว:

  • ในทางกลับกัน นักเทรดอาจเห็นราคามาใกล้ POC แต่การเบรกเอาต์ล้มเหลว และราคาปรับตัวลง

  • ในกรณีนี้ นักเทรดอาจเลือกเปิดสถานะ Short หรือรอสัญญาณยืนยันที่ชัดเจนกว่านี้


เทคนิคการเทรด POC ขั้นสูง

เทคนิคการเทรด POC ขั้นสูง

สำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ POC มอบกลยุทธ์ขั้นสูงดังนี้:


1. การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา:

  • นักเทรดสามารถเปรียบเทียบระดับ POC ในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน (เช่น รายวัน vs 4 ชั่วโมง) เพื่อเข้าใจระดับราคาสำคัญทั้งในบริบทระยะสั้นและระยะยาวของตลาด


2. การใช้ POC ในหลายตลาด:

  • POC ไม่จำกัดเพียงสินทรัพย์ประเภทเดียว นักเทรดสามารถใช้ในตลาดต่าง ๆ เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และฟอเร็กซ์ เพื่อระบุ Value Area และจุดเบรกเอาต์ที่เป็นไปได้


3. POC เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรดขนาดใหญ่:

  • นักเทรดมักรวมกลยุทธ์ POC เข้ากับแนวทางการเทรดโดยรวม โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น วัฏจักรตลาด ฤดูกาล และปัจจัยเศรษฐกิจโลก


บทสรุป


Point of Control (POC) เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับนักเทรด มอบมุมมองเฉพาะเกี่ยวกับสมดุลของตลาด ระดับราคา และกิจกรรมปริมาณการซื้อขาย


การนำ POC มารวมกับกลยุทธ์การเทรดช่วยให้นักเทรดตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้น ระบุแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


คำถามที่พบบ่อย


1. Point of Control (POC) คืออะไร?

POC คือระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในช่วงเวลาที่กำหนด แสดงถึงจุดสมดุลของตลาด


2. POC ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านอย่างไร?

POC มักทำหน้าที่เป็นแนวรับเมื่อราคาซื้อขายอยู่เหนือมัน และเป็นแนวต้านเมื่อราคาต่ำกว่า


3. จะระบุ POC ได้อย่างไร?

POC พบได้บนกราฟ Market Profile โดยระบุเป็นระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในกรอบเวลาที่กำหนด


4. สามารถใช้ POC เพียงอย่างเดียวได้หรือไม่?

POC จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น การวิเคราะห์ Price Action และ Volume เพื่อยืนยันสัญญาณ


5. จะบริหารความเสี่ยงด้วย POC อย่างไร?

นักเทรดมักตั้งคำสั่ง Stop-Loss ใกล้ POC และปรับขนาดตำแหน่งตามความใกล้ของราคากับระดับสำคัญ


6. POC ใช้ได้ในทุกตลาดหรือไม่?

ใช่ POC สามารถใช้ได้ในหลายตลาด เช่น หุ้น Forex และสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ประสิทธิภาพอาจแตกต่างตามสภาพตลาด


7. POC ช่วยติดตามแนวโน้มได้หรือไม่?

ได้ เมื่อราคายืนเหนือหรือใต้ POC อย่างต่อเนื่อง จะช่วยยืนยันแนวโน้มและบ่งชี้โอกาสในการเข้าเทรด


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
Volume Profile คืออะไร? เข้าใจให้ชัดก่อนเริ่มเทรด
ทฤษฎี Wyckoff Accumulation คืออะไร? ขั้นตอนสำคัญและกลยุทธ์เทรด
swap point: ปัจจัยพื้นฐาน กลไก และผลกระทบต่อตลาด
เจาะลึกแนวรับแนวต้านน้ำมันดิบ ฉบับเทรดเดอร์มือโปร
Pivot Point คืออะไร? ความจริงที่นักเทรดมองข้าม