Pivot Point คืออะไร? ความจริงที่นักเทรดมองข้าม

Pivot Point มักถูกมองว่าเป็นแค่อินดิเคเตอร์ทั่วไป นักเทรดหลายคนลองใช้ไม่กี่ครั้งแล้วก็เลิก เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ผล แต่ความจริงแล้ว Pivot Point เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักเทรดสถาบันใช้กันมานาน และยังมีประสิทธิภาพมากหากรู้จักใช้อย่างถูกวิธี

ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า Pivot Point จริง ๆ แล้วคืออะไร ทำไมหลายคนถึงใช้ผิด และจะใช้ยังไงให้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในกลยุทธ์การเทรดของคุณได้

Pivot Point คืออะไร?

Pivot Point คือระดับราคาที่คำนวณมาจากราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาปิดของวันก่อนหน้า จุดศูนย์กลางของ Pivot Point คือค่าเฉลี่ยของทั้งสามราคานี้ จากนั้นจะมีการคำนวณระดับราคาที่เรียกว่าแนวรับ (S1, S2 ฯลฯ) และแนวต้าน (R1, R2 ฯลฯ) ซึ่งใช้ในการระบุจุดกลับตัวที่เป็นไปได้ของราคาในตลาด

Pivot Point มักถูกนำมาใช้ในการเทรดรายวันโดยเฉพาะในตลาด Forex และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีความผันผวนสูง การใช้ Pivot Point เปรียบเสมือนการมีแผนที่ ที่ช่วยนำทางนักเทรดให้มองเห็นทิศทางท่ามกลางความวุ่นวายของการเคลื่อนไหวราคาระยะสั้น

ทำไมนักเทรดจึงใช้ Pivot Point ผิดวิธี?

แม้ว่า Pivot Point จะเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย แต่ก็มีนักเทรดจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดหรือใช้ไม่ถูกต้อง โดยมีข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย 3 ประการ ดังนี้:

• การพึ่งพาสัญญาณอัตโนมัติมากเกินไป : นักเทรดหลายคนเพียงแค่วางระดับ Pivot Point ลงในกราฟ แล้วคาดหวังว่าราคาจะตอบสนองต่อทุกระดับ ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกระดับ Pivot จะกลายเป็นแนวรับหรือแนวต้านเสมอไปในแต่ละวัน

• การไม่สนใจบริบทของตลาด : Pivot Point จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume), ทิศทางแนวโน้ม และสัญญาณอื่น ๆ จากตลาด การเข้าเทรดโดยสุ่มซื้อที่ S1 หรือขายที่ R1 โดยไม่ดูภาพรวมของตลาด อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด

• ใช้ในตลาดหรือช่วงเวลาไม่เหมาะสม : เนื่องจาก Pivot Point คำนวณจากข้อมูลราคาของช่วงเวลาก่อนหน้า การนำ Pivot รายวันไปใช้กับกราฟรายสัปดาห์ หรือใช้กับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำและราคาขยับน้อย อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

ความได้เปรียบของนักเทรดสถาบัน

ในขณะที่นักเทรดรายย่อยมักใช้ Pivot Point แบบผิวเผิน แต่นักเทรดในสถาบันกลับใช้แนวทางที่ซับซ้อนและแม่นยำกว่า โดยมักผสมผสาน Pivot Point เข้ากับเครื่องมืออื่น  ๆ เช่น VWAP, Order Flow หรืออินดิเคเตอร์วัดโมเมนตัม เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของเจตนารมณ์ตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ที่น่าประหลาดใจก็คือ นักเทรดมืออาชีพหลายคนแทบไม่ใส่ใจกับอินดิเคเตอร์แบบดั้งเดิมเลย ยกเว้น Pivot Point เหตุผลคือ ระดับราคาที่ได้จาก Pivot Point มักจะมีลักษณะ “เป็นจริงตามความคาดหวังของตลาด”กล่าวคือ มีผู้เล่นจำนวนมากในตลาดที่เฝ้าดูระดับเหล่านี้ ทำให้ราคามักจะตอบสนองต่อระดับดังกล่าวอย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง การเข้าใจลักษณะพฤติกรรมนี้จะช่วยให้คุณวางตำแหน่งการเทรดได้อย่างมีกลยุทธ์และแม่นยำมากขึ้น

วิธีการใช้ Pivot Point อย่างถูกต้อง

หากต้องการปลดล็อกพลังของ Pivot Point นักเทรดต้องเปลี่ยนมุมมองจากการมองว่าเป็นสัญญาณตายตัว มาเป็นการมองว่าเป็น “โซนที่น่าสนใจ” และนี่คือวิธีใช้อย่างมีประสิทธิภาพ:

• 
  

  ใช้ Pivot Point เพื่อระบุ“โซน”ไม่ใช่แค่เส้น : ราคามักไม่กลับตัวตรงระดับ Pivot แบบเป๊ะ ๆ แต่จะเคลื่อนไหวใกล้ ๆ บริเวณนั้น ดังนั้นควรใช้บริเวณรอบ ๆ Pivot หรือระดับแนวรับ/แนวต้าน เป็น “โซนโอกาส” แทนที่จะยึดเป็นเส้นแนวเดียว

  
  

• จับคู่ Pivot Point กับทิศทางแนวโน้ม : หากราคายืนอยู่เหนือ Pivot กลางและมีแนวโน้มขาขึ้น ให้มองหาจังหวะซื้อเมื่อราคาย่อลงใกล้ระดับแนวรับ ส่วนหากราคาต่ำกว่า Pivot กลางและเป็นแนวโน้มขาลง ให้พิจารณาขายเมื่อราคาดีดขึ้นใกล้แนวต้าน

• มองหาจุดที่มีสัญญาณหลายตัวมาบรรจบกัน : เมื่อระดับของ Pivot ไปตรงกับเครื่องมืออื่น เช่น Fibonacci, จุดสูง/ต่ำก่อนหน้า หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญ ระดับเหล่านั้นจะมีน้ำหนักมากขึ้น

• ดูปริมาณการซื้อขาย : หากระดับ Pivot ถูกทดสอบในช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายสูง โอกาสที่ราคาจะเด้งกลับหรือยืนอยู่ตรงจุดนั้นได้จะมีมากกว่าการทดสอบในช่วงที่ตลาดเงียบ

Pivot Point ในตลาดปัจจุบัน

ความสำคัญของ Pivot Point ยังคงมีอยู่ไม่ต่างจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ในยุคของการเทรดด้วยความถี่สูง (High-Frequency Trading) อัลกอริทึมหลายตัวยังคงใช้ Pivot Point เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจ นั่นคือเหตุผลที่บางระดับราคามักกลายเป็นจุดกลับตัวภายในวันได้อย่างต่อเนื่อง เพราะถูกฝังอยู่ในตรรกะของระบบเทรดหลายระบบ

นอกจากนี้ Pivot Point ยังช่วยสร้างความชัดเจนในตลาดที่ไม่แน่นอน เมื่อปัจจัยพื้นฐานสร้างความผันผวน ระดับทางเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดยังคงมีความเป็นกลางในการตัดสินใจ และในตลาดที่เคลื่อนไหวแบบแกว่งตัว (sideways) Pivot Point ยังช่วยในการตั้งเป้าหมายและจุดหยุดขาดทุนที่เหมาะสมและเป็นจริงได้อีกด้วย

ควรใช้ Pivot Point แบบไหนดี?

Pivot Point มีหลายสูตรให้เลือกใช้ เช่น สูตรมาตรฐาน (Classic), Fibonacci, Woodie’s, Camarilla เป็นต้น แม้แต่ละสูตรจะมีข้อแตกต่างกันบ้าง แต่สูตรมาตรฐานยังถือเป็นที่นิยม เนื่องจาก:

• ใช้งานง่ายและเข้าใจได้เร็ว

• สะท้อนราคากลางจากข้อมูลของวันก่อนหน้าได้ชัดเจน

• แพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่ก็มักตั้งค่าเริ่มต้นเป็นสูตรนี้ จึงทำให้เห็นกันบ่อยและคุ้นเคย

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นนักเทรดที่มีประสบการณ์และต้องการมุมมองที่ลึกขึ้น การทดลองใช้สูตรอื่นอย่าง Fibonacci Pivot Point ก็ช่วยเพิ่มความแม่นยำได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังมีแนวโน้มชัดเจน

สรุป

Pivot Point ไม่ใช่เวทมนตร์ และก็ไม่ใช่เครื่องมือที่ล้าสมัย แต่เป็นเครื่องมือที่ผ่านการทดสอบมาอย่างยาวนาน และยังคงช่วยให้นักเทรดที่เข้าใจวิธีใช้อย่างถูกต้องสามารถทำกำไรได้ดี เมื่อใช้ควบคู่กับกลยุทธ์ที่ครบเครื่อง เช่น การวิเคราะห์แนวโน้ม การจัดการความเสี่ยง และการสังเกตปริมาณการซื้อขาย Pivot Point จะช่วยเพิ่มโอกาสและความแม่นยำในการเทรดของคุณอย่างมาก

ไม่ว่าคุณจะเทรด Forex สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนีต่าง ๆ การเข้าใจจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังระดับ Pivot จะช่วยให้คุณคาดเดาได้ว่าราคาจะหยุดชะงักกลับตัว หรือเร่งตัวไปทางไหน อย่าใช้ Pivot Point แบบขาดความเข้าใจหรือบริบทเหมือนนักเทรดส่วนใหญ่ เรียนรู้ความละเอียดและความซับซ้อนของมันให้ดี แล้วคุณจะเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นจริง ๆ

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ