เผยแพร่เมื่อ: 2025-09-19
เทรดเดอร์ทุกคนเริ่มต้นด้วยความเชื่อว่ากุญแจสู่ความสำเร็จคือการค้นหากลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบ ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าถูกใช้ไปกับการไล่ตามอินดิเคเตอร์ ปรับแต่งค่าต่าง ๆ และทดสอบระบบที่ซับซ้อน แต่ว่าความล้มเหลวส่วนใหญ่กลับไม่ได้เกิดจากการขาดความรู้ แต่เกิดจากการขาดโครงสร้างที่ชัดเจน พวกเขามักเข้าซื้อขายอย่างหุนหันพลันแล่น เสี่ยงเกินขอบเขต ละทิ้งแผนกลางคัน และทำผิดซ้ำ ๆ
3-5-7 Rule หรือ กฎ 3-5-7 เข้ามาแก้ไขความวุ่นวายนี้ด้วยสิ่งที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือ กรอบตัวเลขที่ย่อกระบวนการเทรดทั้งหมดให้เหลือเพียง 3 ชั้น—การวิเคราะห์บริบท การวางแผน และการปฏิบัติจริง กฎนี้บังคับให้เทรดเดอร์ชะลอความเร็ว กำหนดจุดแข็งของตนเอง และลงมือเทรดก็ต่อเมื่อทุกองค์ประกอบสอดคล้องกัน แทนที่จะใช้สัญชาตญาณเป็นตัวขับเคลื่อนทุกการตัดสินใจ วินัยจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
3 ตัวกรองสำหรับการวิเคราะห์บริบทของตลาด — เพื่อยืนยันว่าสภาวะตลาดเหมาะสมต่อการเทรดหรือไม่
5 ขั้นตอนการวางแผน — เพื่อเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นแผนการที่ชัดเจน
7 หลักปฏิบัติในการลงมือ — เพื่อปกป้องเงินทุนและรักษาวินัยขณะทำการเทรด
ด้วยความที่ไม่ขึ้นกับตลาดหรือกรอบเวลา กฎ 3-5-7 จึงสามารถใช้ได้กับทุกการเทรด ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นบนกราฟ 5 นาที หรือการถือสถานะหลายสัปดาห์ มันจะบังคับให้คุณถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่า: สภาพแวดล้อมเหมาะสมหรือไม่? แผนของเราชัดเจนพอหรือยัง? เรากำลังปฏิบัติด้วยการควบคุมหรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น กฎนี้ยังสร้างระยะห่างทางจิตวิทยาระหว่าง “แนวคิด” และ “การกระทำ” เราอาจชอบรูปแบบการตั้งค่าใดรูปแบบหนึ่ง แต่หากยังไม่ผ่านตัวกรองและยังไม่กลายเป็นกฎ 3-5-7 ที่สมบูรณ์ เราก็จะยังไม่ทำอะไรเลย ช่องว่างนี้เองที่มักเป็นตัวแบ่งระหว่างการขาดทุนอย่างประมาทกับการเข้าเทรดที่รอบคอบ
ตัวเลขแรก 3 ช่วยป้องกันไม่ให้คุณวางแผนเทรดเมื่อความน่าจะเป็นไม่เอื้ออำนวย ตัวกรองเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนสัญญาณไฟเขียว เราจะเทรดต่อก็ต่อเมื่อทั้งสามตัวกรองบ่งชี้ว่า “ไปต่อได้”
ก่อนวางแผนการเทรด ให้ระบุแนวโน้มหลักบนกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า ตลาดกำลังสร้างจุดสูงสุดและต่ำสุดที่สูงขึ้น (ขาขึ้น) หรือต่ำลง (ขาลง)? เราสอดคล้องกับโครงสร้างนี้หรือเทรดสวนมัน? การเทรดตามแนวโน้มช่วยเพิ่มโอกาสให้การเทรดสำเร็จ
ความผันผวนกำหนดทั้งโอกาสและความเสี่ยง วัดช่วงราคาประจำวันหรือค่า ATR เพื่อจำแนกว่าช่วงนั้นเงียบหรือคึกคัก ในสภาวะเงียบ คาดว่าการเทรดจะช้าลงและเป้ากำไรจะแคบกว่า ในสภาวะคึกคัก ให้ขยายจุดหยุดและตั้งเป้าผลตอบแทนสูงขึ้น การรู้จักสภาวะนี้ช่วยตั้งความคาดหวังที่สมจริงและป้องกันการเทรดเกินเวลา
ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจก่อนเข้าตลาด เหตุการณ์สำคัญ เช่น การประกาศนโยบายธนาคารกลาง ข้อมูล CPI หรือรายงานการจ้างงาน อาจทำให้การตั้งค่าทางเทคนิคใช้ไม่ได้ หากมีการประกาศสำคัญในอีกไม่กี่นาที ควรถอยหรือเทรดด้วยขนาดเล็กกว่า บริบทสำคัญกว่าความมั่นใจ
หากตัวกรองทั้งสามสอดคล้องกัน ให้ก้าวไปที่ตัวเลขที่สอง ซึ่งเป็น 5 ขั้นตอนในการสร้างแผนสมบูรณ์จากแนวโน้มของคุณ ส่วนนี้คือ “เครื่องยนต์” ของกฎ 3-5-7
เขียนทฤษฎีแนวโน้มของคุณให้ชัดเจนและกระชับ เช่น “เราเป็นขาขึ้นเหนือ 1.2500 ในขณะที่โครงสร้าง 4H ยังถืออยู่” หากสรุปเป็นประโยคเดียวไม่ได้ แสดงว่าเรายังไม่มีแนวคิดชัดเจน
กำหนดแนวรับ แนวต้าน และโซนสภาพคล่องที่เป็นจุดสำคัญ ตำแหน่งสำคัญกว่าสัญญาณ การเทรดใกล้ระดับสำคัญให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงดีกว่าการเทรดกลางช่วงราคา ระบุเหตุผลว่าทำไมระดับนี้สำคัญ—ความสอดคล้องสร้างความมั่นใจ
กำหนดรูปแบบหรือการยืนยันเฉพาะที่จะเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นการลงมือ เช่น การดีดกลับสู่โซนคุณค่าแล้วตามด้วยแรงซื้อ หรือการทดสอบแนวต้านพร้อมปริมาณเพิ่ม เงื่อนไขนี้ทำให้การเทรดเป็นเรื่องวัตถุประสงค์และป้องกันการเข้าซื้อก่อนเวลา
แปลงความสามารถในการรับความเสี่ยงเป็นขนาดตำแหน่ง กำหนดจุดหยุด คำนวณล็อต และจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรด (มัก 0.5–1% ของทุนทั้งหมด) เพื่อปกป้องเงินทุนแม้เทรดหลายครั้งไม่สำเร็จ เพิ่มขีดจำกัดการขาดทุนต่อวันเพื่อป้องกันการสูญเสียต่อเนื่อง
กำหนดล่วงหน้าว่าจะทำกำไรที่ไหนและวิธีติดตามจุดหยุด ตัดสินใจว่าจะทำกำไรบางส่วนที่ 1R และติดตามส่วนที่เหลือ หรือไปเต็มที่จนถึงเป้าหมาย การตัดสินใจก่อนลดอารมณ์ที่อาจเข้ามาขัดขวาง การสูญเสียส่วนใหญ่เกิดจากไม่สามารถรักษากำไร ไม่ใช่หาไม่เจอ
เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ตัวเลขสุดท้าย—7 หลักปฏิบัติ—ช่วยป้องกันตัวคุณเองระหว่างการเทรด นี่คือกฎที่คุณไม่ละเมิดแม้ในความเครียด
วางจุดหยุดแน่นตามจุดที่แผนล้มเหลว
ไม่ขยายจุดหยุดระหว่างเทรด
จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดและปฏิบัติตามขีดจำกัดการขาดทุนรายวัน
ใช้คำสั่ง limit หรือ stop ตามราคาแผน ไม่ไล่ราคา
ทำกำไรตามแผน ไม่ใช่อารมณ์
เทรดเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนด
จดบันทึกการเทรดพร้อมบริบท เหตุผล และผลลัพธ์ทันทีหลังออก
แม้วิเคราะห์ดีแค่ไหน แต่การปฏิบัติไม่ดีอาจล้มเหลว กฎเหล่านี้ช่วยหยุดการตัดสินใจด้วยอารมณ์ และทำให้การทบทวนหลังเทรดมีประโยชน์
สมมติว่าเรากำลังวางแผนเทรด GBP/USD
เริ่มต้นด้วยตัวกรอง 3 ตัว กราฟ 4H แสดงขาขึ้นช่วงสูงสุดและต่ำสุดที่สูงขึ้น ATR ขยาย บ่งชี้ความผันผวนสูง ไม่มีข่าวสำคัญใน 4 ชั่วโมงถัดไป บริบทพร้อมเทรด
จากนั้นคุณจึงสร้างแผน 5 ขั้นตอน แนวโน้มเป็นขาขึ้นเหนือ 1.2500 ระดับสำคัญคือโซน demand ใกล้ 1.2515 เงื่อนไขเข้าซื้อคือแท่ง engulfing bullish บนกราฟ 15M พร้อม RSI ข้าม 50 จุดหยุด 30 pips ที่ 1.2485 เสี่ยง 0.5% ของทุน เป้าหมาย 1.2580 ให้ reward 2:1
สุดท้ายบังคับใช้ 7 หลักปฏิบัติ วาง stop order ที่ 1.2530 ขนาดตามคำนวณ เมื่อราคาเข้ามา ติดตาม stop ที่ breakeven +1R ทำกำไรบางส่วนที่ +1.5R ปิดส่วนที่เหลือที่เป้าหมาย และจดบันทึกทุกขั้นตอน—บริบท เหตุผล ผลลัพธ์ พร้อม screenshot
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่ากฎ 3-5-7 สร้างระเบียบได้อย่างไร เราจะเทรดก็ต่อเมื่อเงื่อนไขสอดคล้อง ทำตามแผนชัดเจน และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจด้วยอารมณ์
ไม่มีกรอบการทำงานใดที่ควรนำไปใช้จริงโดยไม่ผ่านการทดสอบ กฎ 3-5-7 ก็เช่นกัน
นิยามทุกอย่างให้ชัดเจน เช่น การเทรดตามแนวโน้มถือว่าอย่างไร วัดความผันผวนอย่างไร จุดเข้าซื้อถือว่าอะไร เขียนทุกอย่างลงไปเพื่อหลีกเลี่ยงอคติย้อนหลัง (hindsight bias) ขณะทดสอบ
ติดตามค่า expectancy (ค่าเฉลี่ยกำไร × อัตราชนะ − ค่าเฉลี่ยขาดทุน × อัตราแพ้), ค่า R ต่อเทรดเฉลี่ย, การลดลงสูงสุด (maximum drawdown) และเวลาที่ถือเทรด (time-in-trade) ตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้เห็นว่ากรอบการทำงานช่วยเพิ่มความสม่ำเสมอหรือไม่
ทดสอบอย่างน้อย 30–50 เทรดต่อสภาวะตลาดหนึ่ง การที่ชนะโชคดีสามครั้งไม่สามารถสรุปอะไรได้ ตัวอย่างที่มีความหมายจะแสดงว่ากรอบการทำงานช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นในสภาวะที่แตกต่างกันหรือไม่
หลายคนล้มเหลวครั้งแรกที่ลองใช้กรอบการทำงานอย่างมีโครงสร้าง ไม่ใช่เพราะวิธีผิด แต่เพราะนิสัยเดิมขัดขวาง
พวกเขามองตัวกรองเป็นทางเลือกแทนที่จะเป็นข้อบังคับ ทำให้เทรดในตลาดแนวข้าง อีกทั้งเขียนขั้นตอนการวางแผนคลุมเครือ เช่น “ซื้อเมื่อปรับฐาน” แทนเงื่อนไขที่ชัดเจน และละเมิดหลักปฏิบัติเมื่อเครียด ขยายจุดหยุดหรือเทรดแก้แค้นหลังขาดทุน
วิธีแก้ไขนั้นง่ายมาก: เปลี่ยนตัวแปรทีละอย่าง ทดสอบ 30 เทรดตามกฎ 3-5-7 อย่างเคร่งครัด ทบทวนบันทึก ปรับเฉพาะสิ่งที่ข้อมูลบอกว่าผิด การปรับปรุงแบบมีวินัยนี้จะทำให้กรอบการทำงานกลายเป็นธรรมชาติของคุณ
ติดตามการเทรดอย่างน้อย 30 ครั้ง โดยใช้กรอบการทำงานทั้งหมด แล้วเปรียบเทียบกับผลลัพธ์เดิมในเรื่องอัตราชนะ (win rate), ค่า R เฉลี่ยต่อเทรด และการลดลงสูงสุด (drawdown) หากคุณพบว่าการเทรดหุนหันพลันแล่นลดลงและมีเซ็ตอัพที่ถึงเป้ามากขึ้น แสดงว่ากฎช่วยได้ หากไม่ ให้เริ่มง่าย ๆ ด้วยการใช้แค่ 3 ตัวกรองก่อน แล้วค่อยเพิ่มส่วนอื่น
ให้มองตัวกรองที่ไม่ผ่านเป็นสัญญาณเตือนมากกว่าการห้ามเด็ดขาด คุณอาจถอยออก ลดขนาดตำแหน่ง หรือรอจนกว่าสภาพตลาดสอดคล้องกัน เมื่อเวลาผ่านไปบันทึกการเทรดของคุณจะบอกว่าการเทรดสวนตัวกรองนั้นเพิ่มหรือลดความได้เปรียบ
แนะนำให้เริ่มทีละขั้น โดยเริ่มด้วย 3 ตัวกรอง เพิ่ม 5 ขั้นตอนการวางแผนเมื่อชินแล้ว และค่อยใช้ 7 หลักปฏิบัติ การมีเช็คลิสต์ไว้ช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการตัดสินใจ และทำให้กระบวนการกลายเป็นความเคยชิน
3-5-7 Rule ย่อกระบวนการเทรดทั้งหมดให้เรียบง่ายพอจำได้ และเข้มงวดพอที่จะปฏิบัติได้ ตัวกรอง 3 ตัวจะป้องกันไม่ให้เทรดในสภาพตลาดไม่เหมาะสม 5 ขั้นตอนการวางแผนจะเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นแผนปฏิบัติได้จริง 7 หลักปฏิบัติ ป้องกันอารมณ์ทำลายการเทรด
หากใช้สม่ำเสมอ กฎ 3-5-7 จะเปลี่ยนวิธีเทรดของคุณ คุณจะเลิกไล่ตามราคาและเริ่มลงมือทำตามแผน การขาดทุนลดลง กำไรสม่ำเสมอขึ้น และทุกเทรดกลายเป็นการทดลองควบคุมแทนการเสี่ยงโชค ทดสอบเป็นเวลา 1 เดือน ปรับปรุง และทำให้เป็นของคุณ คุณจะไม่กลับไปเดาแบบเดิมอีก
ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ