简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

รู้ลึก Put option คืออะไร พร้อม 3 ตัวอย่างใช้ในตลาดการเงินจริง

เผยแพร่เมื่อ: 2025-09-12

ในโลกการลงทุนที่สุดผันผวน Put option คือเครื่องมือทางการเงินที่สามารถเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับผู้ถือครองสินทรัพย์ได้แทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือดัชนี เนื่องจากสถานะการเป็นตราสารอนุพันธ์ บทความนี้จึงจะพาไปเจาะลึกว่า put option คืออะไร แตกต่างจาก Call Option อย่างไร ความเสี่ยงที่ควรระวัง และยกตัวอย่างการใช้งานในตลาดจริง


Put option คืออาวุธป้องกันความเสี่ยงของนักลงทุน


Put option คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการขายสินทรัพย์ที่กำหนด เช่น หุ้น ดัชนี หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า โดยผู้ถือสัญญาไม่จำเป็นต้องถือสินทรัพย์จริง แต่สามารถเลือกขายได้เมื่อเห็นว่าราคาสินทรัพย์ลดลงต่ำกว่าราคาที่กำหนดในสัญญา จุดเด่นของ put option คือช่วยให้นักลงทุนป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่ลดลงและสร้างโอกาสทำกำไรเมื่อคาดการณ์ตลาดได้ถูกต้อง


การทำงานของ put option เป็นเรื่องของสิทธิ ไม่ใช่ภาระผูกพัน ผู้ถือสัญญาสามารถเลือกขายสินทรัพย์ตามราคาที่กำหนดหรือปล่อยให้สัญญาหมดอายุหากราคาตลาดสูงกว่าราคาที่ตกลง ค่าใช้จ่ายหลักคือค่าเบี้ย (Premium) ที่ผู้ซื้อจ่ายให้ผู้ขายสัญญา ซึ่งเป็นต้นทุนที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ การคำนวณกำไรจะขึ้นอยู่กับส่วนต่างระหว่างราคาตลาดและราคาที่ตกลง บวกหรือลบค่า premium


นอกจากนี้ put option ยังสามารถนำไปใช้ในหลายกลยุทธ์ ทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) และเก็งกำไรจากราคาตก นักลงทุนที่ถือหุ้นสามารถซื้อ put option เพื่อจำกัดการขาดทุน ในขณะที่นักลงทุนที่ไม่มีหุ้นสามารถซื้อเพื่อเก็งกำไรจากราคาลงได้ การเข้าใจกลไกการทำงานเหล่านี้ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้ put option อย่างเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการเงินและระดับความเสี่ยงของตน


ข้อดีของการใช้ Put option ลงทุน


  • ป้องกันความเสี่ยงจากราคาลง (Hedging)
    Put option ช่วยให้ผู้ถือหุ้นสามารถจำกัดการขาดทุน หากราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ลดลงต่ำกว่าราคาที่กำหนดในสัญญา ทำให้สามารถรักษามูลค่าพอร์ตได้


  • เก็งกำไรจากราคาตก (Speculation)
    นักลงทุนที่คาดว่าราคาสินทรัพย์จะลดลงสามารถซื้อ put option เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาที่ลดลง โดยไม่จำเป็นต้องถือสินทรัพย์จริง


  • วางกลยุทธ์ทางการเงินที่ยืดหยุ่น
    Put option สามารถใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่น เช่น Protective Put หรือ Bear Put Spread เพื่อปรับความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสกำไรในตลาดที่ผันผวน


  • ต้นทุนจำกัด
    การซื้อ put option ต้องจ่ายเพียงค่าเบี้ยล่วงหน้า (premium) ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ ทำให้ผู้ลงทุนรู้ขอบเขตการเสียเงินล่วงหน้าและสามารถวางแผนการเงินได้


  • ใช้เป็นเครื่องมือประกันราคาสินทรัพย์
    นักลงทุนหรือบริษัทสามารถใช้ put option เพื่อประกันราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ลดความไม่แน่นอนของผลตอบแทนจากความผันผวนของตลาด


Put option คือ - EBC


Put option ต่างกับ call option ยังไง


Put option และ call option เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือ แต่แตกต่างกันในทิศทางของราคาที่นักลงทุนคาดการณ์และวิธีการใช้งาน Call option ให้สิทธิซื้อสินทรัพย์ในราคาที่กำหนด ขณะที่ put option ให้สิทธิขายสินทรัพย์ การเข้าใจความแตกต่างนี้สำคัญในการวางกลยุทธ์ เพราะทั้งสองประเภทมีบทบาททั้งในการเก็งกำไรและการป้องกันความเสี่ยง แต่เหมาะกับสถานการณ์ตลาดและวัตถุประสงค์การลงทุนที่ต่างกัน


สิทธิและทิศทางราคาที่คาดการณ์


Put option ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการขายสินทรัพย์ในราคาที่ตกลงกันไว้ หากนักลงทุนคาดว่าราคาสินทรัพย์จะลดลง การถือ put option จะทำให้สามารถขายสินทรัพย์ได้ในราคาที่สูงกว่าตลาด ลดการขาดทุนหรือทำกำไรจากราคาตก ส่วน call option ให้สิทธิซื้อสินทรัพย์ หากคาดว่าราคาจะขึ้น ผู้ถือสามารถซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าตลาดและทำกำไรจากส่วนต่างของราคาที่เพิ่มขึ้น


การใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging)


Put option มักใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงของผู้ถือหุ้น หากราคาหุ้นที่ถืออยู่ตกลง การซื้อ put option จะช่วยจำกัดการขาดทุนได้ ในขณะที่ call option มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงน้อยกว่า โดยมากจะใช้เพื่อรักษาตำแหน่งสัญญาหรือเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากราคาที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น


ต้นทุนและค่าใช้จ่าย


ทั้ง put และ call option ต้องจ่ายค่าเบี้ยล่วงหน้า (premium) ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ ความแตกต่างอยู่ที่ทิศทางราคาที่คาดการณ์ หากใช้ put option นักลงทุนต้องหวังว่าราคาสินทรัพย์ลดลง ส่วน call option นักลงทุนต้องหวังว่าราคาสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น การเข้าใจต้นทุนนี้ช่วยให้ประเมินกำไรขาดทุนได้อย่างแม่นยำ


ความเสี่ยงและผลตอบแทน


ความเสี่ยงของ put option คือการเสียค่าเบี้ยหากราคาสินทรัพย์ไม่ลดลงตามคาด แต่สามารถช่วยจำกัดการขาดทุนจากการถือหุ้นได้ ในทางกลับกัน call option มีความเสี่ยงในการเสียค่าเบี้ยหากราคาสินทรัพย์ไม่ขึ้นตามคาด แต่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงเมื่อราคาตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งสองประเภทมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่สัมพันธ์กับทิศทางราคาสินทรัพย์


กลยุทธ์และการใช้งาน


Put option มักถูกนำไปใช้ในกลยุทธ์ Bearish เช่น Protective Put หรือ Bear Put Spread ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่คาดว่าตลาดจะลดลง ส่วน call option มักใช้ในกลยุทธ์ Bullish เช่น Covered Call หรือ Bull Call Spread เพื่อทำกำไรจากตลาดขาขึ้น การเลือกกลยุทธ์จึงขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดและวัตถุประสงค์ทางการเงินของนักลงทุน


marga-santoso-OmPqCwX422Y-unsplash (1) (1).jpg


ตัวอย่างการใช้งาน Put option ในตลาดจริง


เพื่อให้เห็นชัดว่าการใช้ put option ทำงานอย่างไร เราจะยกตัวอย่างจริง 3 กรณี ได้แก่ การป้องกันความเสี่ยงของหุ้นที่ถืออยู่ การเก็งกำไรจากราคาหุ้นลดลง และกลยุทธ์ Bear Put Spread แต่ละตัวอย่างจะแสดงวิธีคำนวณกำไร ขาดทุน และการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียด


1. ป้องกันความเสี่ยงของหุ้นที่ถืออยู่ (Protective Put)


นักลงทุน A ถือหุ้น ABC จำนวน 1,000 หุ้น ราคาหุ้นปัจจุบัน 100 บาทต่อหุ้น นักลงทุนกังวลว่าตลาดอาจลดลงจึงซื้อ put option ราคาตกลง 95 บาท ค่า premium 2 บาทต่อหุ้น หากราคาหุ้นลดลงเหลือ 90 บาท นักลงทุนสามารถใช้สิทธิขายหุ้นในราคา 95 บาท ช่วยจำกัดการขาดทุนได้เพียง 7 บาทต่อหุ้น (100 – 95 + 2) แม้ตลาดมีความผันผวน การถือ put option จะช่วยลดผลกระทบต่อพอร์ต


ในกรณีที่ราคาหุ้นไม่ลดลงต่ำกว่า 95 บาท นักลงทุนจะเสียค่า premium 2 บาทต่อหุ้น แต่ยังคงถือหุ้นและสามารถทำกำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้นต่อไป วิธีนี้จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการป้องกัน downside risk โดยไม่ขายหุ้นออกไป


2. เก็งกำไรจากราคาหุ้นลดลง (Speculative Put)


นักลงทุน B มองว่าหุ้น XYZ ราคาปัจจุบัน 50 บาทต่อหุ้น มีแนวโน้มลดลงในอีก 3 เดือนข้างหน้า จึงซื้อ put option ราคาตกลง 50 บาท ค่า premium 1 บาทต่อหุ้น หากราคาหุ้นลดลงเหลือ 45 บาท นักลงทุนสามารถขายสัญญาเพื่อรับกำไร 4 บาทต่อหุ้น (50 – 45 – 1) โดยไม่ต้องถือหุ้นจริง การลงทุนแบบนี้ให้โอกาสทำกำไรจากราคาตก แต่ต้นทุนจำกัดที่ค่า premium


การเก็งกำไรด้วย put option เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการถือหุ้นจริง แต่ต้องการใช้เครื่องมือทางการเงินสร้างผลตอบแทนจากความผันผวนของตลาด โดยสามารถกำหนดขอบเขตความเสี่ยงได้ล่วงหน้า


3. กลยุทธ์เชิงซ้อน (Bear Put Spread)


นักลงทุน C คาดว่าหุ้น DEF ราคาปัจจุบัน 80 บาทต่อหุ้นจะลดลง แต่ไม่ต้องการจ่ายค่า premium สูง จึงซื้อ put option ราคาตกลง 78 บาท ค่า premium 3 บาทต่อหุ้น และขาย put option ราคาตกลง 70 บาท ค่า premium 1 บาทต่อหุ้น กลยุทธ์นี้ลดต้นทุนสุทธิเหลือ 2 บาทต่อหุ้น แต่จำกัดกำไรสูงสุดระหว่างราคาตกลง 78 – 70 = 8 บาทต่อหุ้น


กลยุทธ์ Bear Put Spread เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในตลาดขาลง พร้อมจำกัดความเสี่ยงและต้นทุน การใช้ put option แบบคู่ช่วยปรับสมดุลระหว่างกำไรและต้นทุน ทำให้วางแผนกลยุทธ์เชิงซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


vladislav-maslow-eNStVITP_10-unsplash (1).jpg


คำถามที่พบบ่อย (FAQs)


Q: Put option คืออะไรและต่างจาก call option อย่างไร?

A: Put option คือสัญญาที่ให้สิทธิขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนด ส่วน call option คือสิทธิซื้อหลักทรัพย์ ความแตกต่างหลักอยู่ที่ทิศทางราคาที่นักลงทุนคาดการณ์


Q: การถือ put option เสี่ยงอะไรบ้าง?

A: ความเสี่ยงหลักคือการสูญเสียค่าเบี้ย, ผลกระทบจากเวลา, ความผันผวนของตลาด และสภาพคล่องที่อาจทำให้ขายสัญญาได้ยาก


Q: ควรใช้ put option เมื่อไหร่?

A: เหมาะสำหรับป้องกันความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่ถืออยู่ หรือเก็งกำไรเมื่อคาดว่าราคาสินทรัพย์จะลดลง


สรุป


Put option คือหนึ่งในตราสารอนุพันธ์ที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบตลาดทุนสมัยใหม่ เพราะทำให้ผู้ลงทุนสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันไม่เพียงแต่ใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ แต่ยังสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดขาลงที่ปกติยากต่อการทำกำไร ความสามารถในการทำหน้าที่ทั้ง “เกราะป้องกัน” และ “อาวุธโจมตี” ทำให้ put option เป็นที่นิยมทั้งในหมู่นักลงทุนรายย่อยและผู้เล่นสถาบัน


ในเชิงโครงสร้างตลาด Put option ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความสมบูรณ์ของตลาดอนุพันธ์ เพราะมันเปิดทางให้เกิดกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การทำ protective put เพื่อป้องกันพอร์ต ไปจนถึงกลยุทธ์ขั้นสูงอย่าง spread หรือ collar ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า put option ไม่ได้มีบทบาทเพียงเพื่อการเก็งกำไร แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น


เมื่อมองในมิติระยะยาว ความเข้าใจและการใช้ put option อย่างถูกต้องถือเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ โดยเฉพาะในโลกที่ความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นจากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี Put option จึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนและสถาบันสามารถปรับตัวรับกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และยังคงรักษาความสมดุลระหว่างโอกาสกับความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืน


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
กลยุทธ์ call กับ put ในการเทรด มือใหม่ต้องรู้
Calendar Spread คืออะไร กลยุทธ์ Options ทำกำไรทุกสภาวะตลาด
เทคนิค Sell Put สร้างรายได้จากออปชันแบบนักเทรดมือโปร
Short คริปโตอย่างโปร รับมือทุกตลาดผันผวน
Iron Condor กลยุทธ์เทรดออปชั่น สร้างกำไรจำกัดความเสี่ยง