简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

หุ้น CAVA ร่วงหนักแม้กำไร Q2 เกินคาด เหตุผลที่ไม่ควรมองข้าม

เผยแพร่เมื่อ: 2025-08-13

CAVA Group รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่ง ทำกำไรได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ราคาหุ้น CAVA กลับร่วงลง 21-22% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ รายได้ต่ำกว่าประมาณการ และยอดขายทั้งปีลดลง


แม้จะมีสัญญาณบวกในระยะยาว เช่น แผนขยายสาขาและคำแนะนำเรื่องอัตรากำไร แต่นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของจำนวนลูกค้าและความต้องการที่ลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง


ผลกำไรเกินคาดที่กลับกลายเป็นลบ: เกิดอะไรขึ้น?

ตัวชี้วัด ผลประกอบการไตรมาสที่ 2
รายได้ 278.2 ล้านดอลลาร์ (+20.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้ว (Adjusted EPS) 0.16 ดอลลาร์/หุ้น (สูงกว่าประมาณการ)
การเติบโตยอดขายสาขาเดิม 2.1% (เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ ~6%)
อัตรากำไรระดับร้านอาหาร ประมาณ 26.3%
จำนวนสาขาใหม่ที่เปิด 16 แห่ง (รวม ~398 สาขา)
คาดการณ์ยอดขายสาขาเดิมปี 2025 4–6% (ลดลงจาก 6–8%)
เป้าหมายเปิดสาขาใหม่ปี 2025 68–70 แห่ง (เพิ่มขึ้นจาก 64–68 แห่ง)
คำแนะนำ EBITDA ที่ปรับแล้ว รักษาไว้ที่ 152–159 ล้านดอลลาร์


ผลกำไรที่เกินคาด:

CAVA รายงานกำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วอยู่ที่ 0.16 ดอลลาร์ เกินกว่าการคาดการณ์ที่ประมาณ 0.13–0.14 ดอลลาร์ถึง 14–23%


รายได้ต่ำกว่าคาด:

รายได้อยู่ที่ 278.2 ล้านดอลลาร์ (หรือ 280.6 ล้านดอลลาร์ตามแหล่งข่าวบางแห่ง) เพิ่มขึ้นประมาณ 20.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ยังต่ำกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ตั้งไว้กว่า 285 ล้านดอลลาร์


ยอดขายร้านเดิมต่ำกว่าคาด:

ยอดขายร้านเดิมเพิ่มขึ้นเพียง 2.1% ต่ำกว่าที่คาดไว้ประมาณ 6–6.5% และอ่อนตัวมากเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ก่อนหน้านี้


ทำไมหุ้น CAVA ร่วงหนัก? 5 เหตุผลสำคัญที่ต้องรู้

หุ้น CAVA

1) ยอดขายสาขาเดิมชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว

การเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSS) ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.1% ต่ำกว่าที่คาดไว้มาก และลดลงจากแรงขับเคลื่อนในช่วงก่อนหน้า สะท้อนถึงความอ่อนแอของจำนวนลูกค้าและการแข่งขันที่หนักขึ้นหลังจากการเปิดตัวเมนูสเต็กเมื่อปีที่แล้ว


ในธุรกิจ fast casual ยอดขายสาขาเดิมเป็นตัวชี้วัดความต้องการพื้นฐาน ซึ่งตัวเลขที่อ่อนแอมักจะบดบังปัจจัยบวกอื่น ๆ ในวันนั้น


2) การปรับลดคำแนะนำครั้งแรกนับตั้งแต่ IPO

ฝ่ายบริหารได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายสาขาเดิมตลอดปีเหลือ 4–6% นับเป็นครั้งแรกหลังจาก CAVA เข้าตลาดหุ้นในปี 2023 สัญญาณนี้มีความหมายสูง เพราะแสดงให้เห็นว่าความคาดหวังเรื่องการฟื้นตัวของความต้องการถูกปรับลดลง หุ้นที่ขึ้นราคามาจากเรื่องราวการเติบโตสูงจึงไวต่อการชะลอตัวใด ๆ


3) รายได้ต่ำกว่าคาด แม้กำไรต่อหุ้นเกินคาด

รายได้ของ CAVA ต่ำกว่าคาด แม้ว่ากำไรต่อหุ้นจะทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ แสดงให้เห็นว่าการควบคุมต้นทุนและการบริหารอัตรากำไรเป็นตัวขับเคลื่อนในไตรมาสนี้ มากกว่าความต้องการที่พุ่งสูงอย่างผิดปกติ


ซึ่งในสายธุรกิจที่โตเต็มที่ถือว่าโอเค แต่สำหรับนักลงทุนที่เน้นการเติบโตทั้งยอดขายและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นควรจะน่าประทับใจ


4) ความระมัดระวังจากฝ่ายบริหารต่อภาวะเศรษฐกิจ

Brett Schulman ซีอีโอ ชี้ให้เห็นถึงผู้บริโภคที่กำลังเผชิญกับ "หมอก" แห่งความไม่แน่นอน โดยมีจำนวนลูกค้าที่ลดลงในช่วงมิถุนายนและต้นกรกฎาคม ก่อนจะดีขึ้นเล็กน้อยในภายหลัง


คำพูดเช่นนี้ทำให้ความมั่นใจในระยะสั้นลดลง โดยเฉพาะเมื่อไม่มีแผนขึ้นราคาสินค้าในปี 2025 ซึ่งจำกัดทางเลือกในการเพิ่มรายได้


5) แผนขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

แม้ว่าจำนวนสาขาใหม่ที่จะเปิดในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นจาก 64–68 แห่งเป็น 68–70 แห่ง แต่ต้นทุนก่อนเปิดสาขาและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่สูงขึ้นสร้างความกังวลต่อแรงกดดันต่ออัตรากำไรในอนาคต


ความคิดเห็นเรื่อง "หมอก" ของซีอีโอ CAVA ทำให้ความคาดหวังของนักลงทุนลดลง


Brett Schulman ซีอีโอ ยอมรับว่าผู้บริโภคมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยอธิบายว่าช่วงเวลาดังกล่าวเหมือน "หมอก" แห่งความไม่แน่นอน ท่ามกลางนโยบายที่เปลี่ยนแปลงและแรงกดดันจากภาคมหภาค อย่างไรก็ตาม การเรียกสภาพแวดล้อมของผู้บริโภคว่า "หมอก" ถือเป็นการสื่อสารที่ชัดเจน


แสดงให้เห็นว่าสัญญาณความต้องการนั้นไม่แน่นอน แนวโน้มรายสัปดาห์เปลี่ยนแปลงได้ และข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายหรือตัวแปรเศรษฐกิจสามารถเปลี่ยนแปลงความตั้งใจในการบริโภคได้อย่างรวดเร็ว


สำหรับนักลงทุน หมายความว่าช่วงความผิดพลาดของการคาดการณ์จะกว้างขึ้น เมื่อช่วงความผิดพลาดกว้างขึ้น ความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ก็จะสูงขึ้น และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (multiple) จะถูกกดดันลดลง โดยเฉพาะหุ้นที่เคยมีความคาดหวังสูงมาก่อนหน้านี้


ปฏิกิริยาตลาดหุ้น: จากความหวังสู่ความตกใจ

หุ้น CAVA ร่วงหลังผลประกอบการไตรมาสที่ 2

แม้ว่าหุ้นจะมีการเติบโตสองหลักหลัง IPO แต่ราคาหุ้นกลับลดลงราว 20–22% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด ซึ่งถือเป็นการลดลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์


ความรู้สึกของนักลงทุนเปลี่ยนไป เมื่อผลกำไรที่ดูเหมือนเกินคาดในตอนแรก กลับสูญเสียความน่าสนใจเมื่อปัจจัยการเติบโตในระยะยาวแย่ลง


การถกเถียงการลงทุนหุ้น CAVA: ฝ่ายกระทิง vs ฝ่ายหมี


ฝ่ายกระทิง (Bull Case):


  • แม้จะเจอปัญหา แต่ CAVA ยังคงเติบโตได้ดี รายได้เพิ่มขึ้นแบบสองหลัก กำไรจากแต่ละสาขาก็ยังแข็งแรง รายได้เฉลี่ยต่อสาขาก็น่าสนใจ อีกทั้งยังมีโอกาสขยายสาขาอีกมาก

  • ในพื้นที่ที่ยังว่างอยู่ นโยบายไม่ขึ้นราคาสินค้าช่วยรักษาความประทับใจของลูกค้าทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มกลับมาใช้บริการมากขึ้นเมื่อสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น

  • ส่วนการปรับลดคาดการณ์ยอดขายในตอนนี้ แต่กลับทำได้ดีกว่าที่คาดในภายหลัง ก็เป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนสายร้านอาหารเข้าใจ เพราะถ้าคาดหวังต่ำไว้แล้ว ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอาจกลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่น่ายินดี


ฝ่ายหมี (Bear Case):

  • ยอดขายสาขาเดิมของ CAVA โตช้าลงมาก เหลือแค่เลขหลักเดียวต่ำ ๆ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นที่ตั้งไว้สูงเกิดความกดดัน หากความไม่แน่นอนยังคงอยู่ และการเปิดสาขาใหม่สร้างต้นทุนล่วงหน้ามากขึ้น กำไรต่อหุ้นและเงินสดที่จะได้รับในช่วงสั้น ๆ อาจไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง

  • เพราะไม่มีการขึ้นราคาสินค้า CAVA จึงต้องพึ่งพาจำนวนลูกค้า การปรับเมนู และการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษากำไร แต่ถ้ายอดขายในสาขาเดิมยังคงอ่อนแออยู่ ราคาหุ้นก็อาจตกลงไปอีกในอนาคต


สิ่งที่นักลงทุนควรจับตาต่อไป

หุ้น CAVA

1. การฟื้นตัวของจำนวนลูกค้า

ยอดขายจากสาขาเดิมจะเริ่มโตขึ้นอีกครั้งหรือไม่ เมื่อความมั่นใจของผู้บริโภคเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากในการยืนยันแผนการขยายสาขาและการรักษากำไร


2. การจัดการต้นทุน

หากไม่มีการขึ้นราคา CAVA ต้องบริหารจัดการต้นทุนให้ดี เพื่อชดเชยผลกระทบจากเงินเฟ้อและต้นทุนการเปิดสาขาใหม่ที่สูงขึ้น


3. การดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโต

การเปิดสาขาใหม่โดยไม่ทำให้อัตรากำไรลดลง จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญ


4. ภาพรวมเศรษฐกิจและการแข่งขัน

แนวโน้มของอุตสาหกรรมร้านอาหารและทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคอย่างมาก


สรุป


สรุปง่าย ๆ ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของ CAVA มีทั้งข่าวดีและข่าวท้าทายไปพร้อมกัน ฝ่ายบวกคือบริษัทยังมีกำไรและเติบโตได้ดี กำไรต่อหุ้นก็ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้


แต่ฝั่งลบคือจำนวนลูกค้าเริ่มลดลง ผลกำไรก็ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ และฝ่ายบริหารก็ต้องปรับลดคาดการณ์ยอดขายร้านเดิม ทำให้ภาพรวมการเติบโตดูไม่สดใสเหมือนเดิมส่งผลให้ราคาหุ้นตกลงอย่างรวดเร็ว


สำหรับนักลงทุนแล้ว ไตรมาสต่อไปจะเป็นช่วงที่ต้องจับตาดูว่า ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการมากขึ้นหรือไม่ สาขาใหม่จะทำรายได้ดีแค่ไหน และบริษัทจะบริหารจัดการต้นทุนอย่างไรเพื่อรักษากำไรโดยไม่ต้องขึ้นราคา


ข้อสงวนสิทธิ์: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนา (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็น) คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ได้เป็นคำแนะนำจาก EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
เปิดข้อมูล หุ้นเทคอเมริกาพุ่งแรงจากเทรนด์ AI และ Cloud
หุ้น Walmart พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจับมือกับ OpenAI
เปิดโลกหุ้นเติบโต ปี 2025 มีตัวไหนน่าสนใจบ้าง
หุ้นสหรัฐร่วง หลังทรัมป์ของขึ้น
หุ้น AMD พุ่งแรง 23% หลังดีลชิป OpenAI จ่อฟันรายได้ปีละหมื่นล้าน USD