สหรัฐฯ ผ่อนคลายส่งออกชิป AI เปิดทาง Nvidia-AMD จีน พร้อมแลกเปลี่ยนแร่หายาก สัญญาณดีต่อยอดเปิดทางถกลดกำแพงภาษี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดนมองว่าการควบคุมการส่งออกเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเหนือจีน แต่ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปลี่ยนทิศทางนโยบายนี้ ทว่าล่าสุดทำเนียบขาวแจ้งว่า Nvidia อาจได้รับอนุญาตให้ส่งชิป AI รุ่น H20 ไปยังจีน ขณะที่ AMD ก็ได้รับการอนุมัติในทำนองเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โฮเวิร์ด ลัทนิค ระบุว่ารัฐบาลต้องการให้นักพัฒนาจีนพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐ แต่ยังคงรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยี
นักลงทุนเควิน ซูมองว่า การผ่อนคลายข้อจำกัดครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงข้อตกลงด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐ-จีนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ แร่ธาตุหายาก และตลาดร่วม แม้ข้อจำกัดส่วนใหญ่ยังไม่ถูกยกเลิก แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทรัมป์ได้เปิดทางใหม่ในการกำหนดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ หลังความตึงเครียดจากภาษีนำเข้าสูง 145% ก่อนหน้านี้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ และจีนถือเป็นก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจนี้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีความตึงเครียดสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหวถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดมาตลอด แต่ล่าสุด ทั้งสองประเทศได้ตกลงผ่อนคลายมาตรการควบคุมการส่งออกในเทคโนโลยีที่สำคัญบางประเภท เช่น ซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) และแร่ธาตุหายาก ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงจากการแข่งขันสู่วิถีของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
สำหรับตลาดลงทุน การผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวถือเป็นโอกาสใหม่ โดยเฉพาะกับผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง NVIDIA และ AMD ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง
สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการห้ามส่งออกซอฟต์แวร์ EDA ให้แก่จีน ส่งผลให้บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำอย่าง Synopsis และ Cadence สามารถกลับมาทำธุรกิจกับลูกค้าจีนได้อีกครั้ง โดยซอฟต์แวร์เหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีจีนสามารถเร่งพัฒนาชิปที่เคยถูกชะงักไปก่อนหน้านี้ได้ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อผู้ผลิตชิปและฮาร์ดแวร์ AI ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในระบบของตน
ทางฝั่งจีนเองก็อนุญาตให้ส่งออกแร่ธาตุหายากบางส่วนไปยังสหรัฐฯ แม้จะยังคงจำกัดการส่งออกแร่ธาตุที่เกี่ยวข้องกับทางทหาร การแลกเปลี่ยนนี้สะท้อนความพยายามสร้างสมดุลระหว่างการบูรณาการทางเศรษฐกิจกับการรักษาความมั่นคงของชาติ
ตลาดจีนถูกคาดหวังว่าจะมีความต้องการสูงสำหรับชิป AI ของ NVIDIA โดยเฉพาะชิปรุ่น A100 และ H100 แม้ว่าการเข้าถึงชิปที่ทันสมัยที่สุดจากสหรัฐฯ จะยังถูกจำกัด แต่การกลับมาใช้ซอฟต์แวร์ EDA จะช่วยให้ระบบ AI ในจีนสามารถพัฒนาขึ้นและทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของ NVIDIA ได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้งานระบบนิเวศของ NVIDIA ในบริษัทเทคโนโลยีจีนรายใหญ่ เช่น Alibaba และ Deep Seek ในขณะเดียวกัน AMD ก็มีโอกาสขยายตลาดในจีนเช่นกัน แม้ว่าชิป AI ของ AMD จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า NVIDIA แต่การผ่อนคลายข้อจำกัดทางการค้าช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ในจีน
โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2027 จีนจะใช้งบประมาณกว่า 45 พันล้านดอลลาร์ในด้าน AI โดยประมาณหนึ่งในสามของงบประมาณนี้จะใช้ไปกับฮาร์ดแวร์ ซึ่งถือเป็นโอกาสรายได้มหาศาลสำหรับผู้ผลิตชิปสหรัฐฯ
ในช่วงที่มาตรการจำกัดเข้มงวด บริษัทเช่น NVIDIA และ AMD ต้องเผชิญกับการบันทึกขาดทุนครั้งใหญ่จากสินค้าคงคลังที่ผลิตออกมาแต่ยังขายไม่ได้ แต่การเปิดตลาดส่งออกอีกครั้งช่วยให้สินค้าคงคลังเหล่านี้สามารถขายได้อย่างมีกำไร ส่งผลให้รายได้ในระยะสั้นเพิ่มขึ้น และช่วยลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความต้องการในอนาคต บริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมที่เคยได้รับผลกระทบจากมาตรการการค้าก็จะได้รับประโยชน์คล้ายกัน เช่น ASML และ Micron
ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และจีนในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแข่งขันในตลาดชิป AI ระดับโลก โดยเน้นที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจมากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี AI และมีเครือข่ายระหว่างประเทศที่กว้างขวางอย่าง NVIDIA และ AMD พร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องระวังความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายอย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตลาดชิป AI ในวันนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขันด้านเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงการปรับตัวของพลังอำนาจโลกในยุคใหม่ นักลงทุนที่พร้อมปรับตัวจึงมีโอกาสสูงที่จะได้รับผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงนี้
ราคาหุ้น TSMC พุ่งขึ้น 4% หลังผลประกอบการไตรมาส 2 ดีกว่าที่คาดการณ์ และเพิ่มประมาณการรายได้ปี 2568 เนื่องด้วยความต้องการ AI และชิปขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น
2025-07-18ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,304.36 โดยได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ข้อมูลผู้บริโภคที่ยืดหยุ่น และความเชื่อมั่นอย่างระมัดระวังในตลาดหุ้นทั่วโลก
2025-07-18ราคาน้ำมันทรงตัวในวันศุกร์ หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันของอิรักที่ลดลง ขัดแย้งกับความกังวลเกี่ยวกับความต้องการที่ลดลงจากภาษีของสหรัฐฯ
2025-07-18