สับสนระหว่าง Intraday Trade และ Delivery Trade ต่างกันอย่างไร เรียนรู้ความแตกต่างที่สำคัญ ข้อดีและข้อเสีย เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเป้าหมายการลงทุน
2 กลยุทธ์การเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และเวลาที่พร้อมจะลงทุน นั้นคือ การเทรดแบบถือยาว (Delivery Trade) และการเทรดในวันเดียวกัน (Intraday Trade) แม้ว่า 2 วิธีนี้จะเกี่ยวข้องกับการเทรดหุ้นเหมือนกัน แต่ก็มีหลักการและระยะเวลาการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป
การเข้าใจความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสไตล์การเทรดเหล่านี้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ที่ต้องการให้กลยุทธ์ของตัวเองสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน
ในบทความนี้ เราจะอธิบายความแตกต่างหลักระหว่างการเทรดแบบ Delivery Trade และการเทรด Intraday Trade รวมถึงวิธีการทำงาน ข้อดีและความเสี่ยง กลยุทธ์ที่ควรใช้ และสไตล์ใดที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
Delivery Trade (การเทรดแบบถือยาว) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Position Trade หรือ Cash Market Trade หมายถึงการซื้อหุ้นและถือไว้ในบัญชีดิจิทัล ของคุณเป็นเวลานานเกินกว่าหนึ่งวัน จุดประสงค์หลักของการเทรดรูปแบบนี้ คือการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตเมื่อเวลาผ่านไป
แตกต่างจากวิธีการเทรดระยะสั้น การเทรดแบบถือยาวมักจะอิงกับการวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) เช่น การประเมินผลการดำเนินงานของบริษัท สภาพตลาด และแนวโน้มอุตสาหกรรมระยะยาว เทรดเดอร์ที่ใช้วิธีนี้มักมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น เงินปันผล หรือแม้กระทั่งหุ้นโบนัสที่บริษัทออกให้ในช่วงเวลานาน ๆ
เมื่อคุณซื้อหุ้นระยะยาว คุณจะได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง หมายความว่าคุณสามารถถือหุ้นนั้นไว้ได้เป็นวัน สัปดาห์ เดือน หรือแม้กระทั่งปี จนกว่าคุณจะตัดสินใจขาย
ข้อดี-ข้อเสีย Delivery Trade
ข้อดี
Delivery Trade ให้ประโยชน์ในเรื่องการเพิ่มมูลค่าของเงินลงทุนในระยะยาว หากคุณเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หุ้นเหล่านั้นอาจให้การเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีเงินปันผล และช่วยสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้ คุณยังมีความยืดหยุ่นในการถือหุ้นในช่วงที่ตลาดตกต่ำโดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาประจำวัน
อีกทั้ง การเทรดแบบถือยาวไม่มีการใช้เลเวอเรจ จึงลดความเสี่ยงจากการถูกบังคับขายหรือถูกเรียก margin call ทำให้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้เริ่มต้น
ข้อเสีย
ข้อเสียหลักของ Delivery Trade คือ ต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวนเพื่อซื้อหุ้น ซึ่งอาจจำกัดความสามารถในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต นอกจากนี้ เทรดเดอร์ระยะยาวอาจพลาดโอกาสทำกำไรจากความผันผวนราคาหุ้นในระยะสั้น และผลกำไรจากการถือหุ้นแบบนี้อาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะเห็นผลชัดเจน
Intraday Trade ( การเทรดรายวัน) หรือที่เราได้ยินชื่อบ่อยๆ ก็คือ Day Trade คือการซื้อขายสินทรัพย์ภายในช่วงเวลาการซื้อขายวันเดียวกัน เป้าหมายคือการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยโดยการเปิดและปิดสถานะอย่างรวดเร็ว โดยจะปิดสถานะทั้งหมดก่อนที่ตลาดจะปิด ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการถือหุ้นข้ามวันไปยังวันถัดไป
เทรดเดอร์ Intraday มักพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก รวมถึงการวิเคราะห์ราคาตลาด (price action), ตัวชี้วัดโมเมนตัม (momentum indicators) และความผันผวนของตลาด (market volatility) การเทรดลักษณะนี้มีความรวดเร็ว ใช้ปริมาณการซื้อขายสูง และมักใช้เลเวอเรจ เพื่อเพิ่มผลกำไร
วิธีนี้ต้องการความใส่ใจต่อหน้าจออย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจที่รวดเร็ว และความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาระยะสั้น เทรดเดอร์รายวันมักจะทำการเทรดหลายครั้งต่อวัน บางครั้งก็ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ข้อดี-ข้อเสีย Intraday Trade
ข้อดี
Intraday Trade ช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วจากความผันผวนของตลาด ด้วยการใช้มาร์จิ้น (margin) คุณสามารถควบคุมตำแหน่งการเทรดที่ใหญ่ขึ้นได้โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่น้อยลง เทรดเดอร์ยังสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงข้ามคืน เช่น ช่องว่างราคาขึ้นหรือลง ที่เกิดจากข่าวหลังเวลาทำการหรือเหตุการณ์ระดับโลก
การเทรดบ่อยครั้งทำให้มีโอกาสทำกำไรมากขึ้น และสามารถจำกัดขาดทุนได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้คำสั่งหยุดขาดทุน
ข้อเสีย
Intraday Trade มีความเครียดสูง ต้องมีการเฝ้าติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง มีความรู้ทางเทคนิค และการตัดสินใจที่รวดเร็ว การขาดทุนสามารถสะสมได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้การเทรดแบบมีมาร์จิ้น การเทรดด้วยอารมณ์ การเทรดมากเกินไป และการบริหารความเสี่ยงที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เงินทุนของคุณหมดไปอย่างรวดเร็ว
เทคนิคและความรู้ต้องแน่น และเทรดเดอร์ต้องมีแผนกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เข้มงวดเพื่อที่จะอยู่รอดในตลาดนี้ได้
1) ระยะเวลาการลงทุน
Delivery Trade: ระยะยาวถึงระยะกลาง นักลงทุนสามารถถือหุ้นได้หลายวัน หลายเดือน หรือหลายปี
Intraday Trade: ระยะสั้น ปิดออเดอร์ในวันเดียวกัน
2) การถือหุ้น
Delivery Trade: คุณเป็นเจ้าของหุ้นที่ถูกโอนเข้าบัญชีเดแมท
Intraday Trade: คุณไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ เพราะการซื้อขายจะถูกปิดภายในวันเดียวกัน
3) ความต้องการเงินทุน
Delivery Trade: ต้องชำระเงินเต็มจำนวนมูลค่าหุ้น โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ไม่ให้มาร์จิ้นหรือเลเวอเรจ
Intraday Trade: ต้องใช้เงินลงทุนน้อยกว่าเพราะมีการเทรดด้วยมาร์จิ้นและเลเวอเรจ แต่ความเสี่ยงก็สูงขึ้นด้วย
4) ระดับความเสี่ยง
Delivery Trade: ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ หากมีการวิเคราะห์พื้นฐานที่แข็งแรงรองรับ
การซื้อขายภายในวัน: ความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากความผันผวนของตลาดและการใช้เลเวอเรจ
5) กลยุทธ์การเทรด
Delivery Trade: เน้นเป้าหมายระยะยาวและแนวโน้มตลาด ส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์พื้นฐาน
Intraday Trade: เน้นการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น ใช้ดัชนีทางเทคนิค (Technical Indicators) เป็นหลัก
6) ค่าธรรมเนียมและค่านายหน้า
Delivery Trade: ค่าคอมมิชชั่นโดยทั่วไปจะสูงกว่า เพราะเกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นและมีภาษีเช่น STT (Securities Transaction Tax) ที่คิดจากมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
Intraday Trade: ค่าคอมมิชชั่นต่ำกว่า แต่การเทรดบ่อยครั้งอาจทำให้ต้นทุนรวมสูงขึ้นมาก
ตัวอย่างจริง
หุ้น: Infosys Ltd (INFY)
สถานการณ์ A – Delivery Trade:
เทรดเดอร์ยึดถือหุ้นซื้อหุ้น INFY ในราคา ₹1,400 ต่อหุ้น หลังจากประเมินผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัท และคาดหวังการเติบโตในภาคไอที หลังจากผ่านไป 6 เดือน ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น ₹1,650 นักเทรดขายหุ้นและได้กำไร ₹250 ต่อหุ้น พร้อมรับเงินปันผลในช่วงเวลาที่ถือหุ้นอยู่
สถานการณ์ B – Intraday Trade:
เทรดเดอร์รายวัน เห็นสัญญาณ Breakout ทางเทคนิคในกราฟ 5 นาทีของหุ้น INFY เขาซื้อหุ้น 100 หุ้นในราคา ₹1,420 และตั้งเป้าหมายราคาที่ ₹1,435 ราคาขึ้นไปถึงเป้าหมายภายในหนึ่งชั่วโมง นักเทรดจึงขายหุ้นออกและได้กำไร ₹1,500 หลังหักค่าคอมมิชชั่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาหุ้นลดลงแทน เทรดเดอร์ก็จะขาดทุนในระดับเดียวกัน หากไม่ได้ตั้ง stop loss อย่างถูกต้อง
การเลือกระหว่างการเทรดแบบ Delivery Trade กับการเทรด Intraday Trade ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึง:
การยอมรับความเสี่ยงของคุณ : Delivery Trade เหมาะกับคนที่ระมัดระวังและต้องการการเติบโตอย่างมั่นคง
ความพร้อมของเวลา : Intraday Trade ต้องใช้ความตั้งใจและติดตามตลาดตลอดเวลา ขณะที่การเทรดแบบถือหุ้นสามารถติดตามแบบผ่อนคลายได้
ระดับความรู้ : Intraday Trade ต้องการความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับเครื่องมือทางเทคนิคและการตัดสินใจที่รวดเร็ว
ความพร้อมของเงินทุน : Intraday Trade สามารถเริ่มได้ด้วยทุนต่ำเพราะใช้มาร์จิ้น แต่ความเสี่ยงสูงกว่า ขณะที่การเทรดแบบถือหุ้นต้องใช้ทุนเริ่มต้นสูงกว่า แต่ปลอดภัยและเหมาะกับการลงทุนระยะยาว
สำหรับผู้เริ่มต้น มักจะแนะนำให้เริ่มจาก Delivery Trade ก่อน เพื่อเข้าใจพฤติกรรมตลาด ก่อนที่จะลองใช้กลยุทธ์ Intraday Trade
สรุป Intraday Trade และ Delivery Trade ต่างก็มีข้อดีและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การเทรดแบบ Delivery Trade เหมาะกับคนที่ชอบการลงทุนแบบผ่อนคลายและเน้นการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
ในทางกลับกัน การเทรด Intraday Trade เหมาะกับคนที่ชอบสภาพแวดล้อมการเทรดที่รวดเร็ว มีทักษะวิเคราะห์ที่ดี และสามารถติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้การเทรดทอง Gold Spot อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีเทรด ข้อแตกต่างกับ Gold Future ปัจจัยกระทบราคา และเทคนิคทำกำไรในตลาดขาขึ้น-ขาลง
2025-06-20เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต
2025-06-20ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย
2025-06-20