ค้นพบวิธีง่าย ๆ ในการปกป้องเงินของคุณจากเงินเฟ้อผ่านการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน และสินทรัพย์ที่พิสูจน์แล้วว่าต้านเงินเฟ้อได้
แม้เงินเฟ้อจะมาอย่างเงียบ ๆ แต่กลับค่อย ๆ บั่นทอนมูลค่าเงินของเราไปทีละน้อย เมื่อเวลาผ่านไป เงินจำนวนเท่าเดิมกลับซื้อของได้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่กาแฟแก้วเดิม นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราควรหาทางรับมือ และหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตควบคู่หรือสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
ในช่วงที่ต้นทุนต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้น บางบริษัทสามารถรับมือได้ดีกว่าบริษัทอื่น เพราะพวกเขามี "อำนาจในการตั้งราคา" —คือสามารถปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นตามต้นทุน โดยไม่ทำให้ยอดขายลดลง ซึ่งมักเป็นบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง หรือจำหน่ายสินค้าที่ผู้บริโภคขาดไม่ได้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน เช่น ยาสีฟัน น้ำยาทำความสะอาด และของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าราคาจะขึ้นแค่ไหน ผู้คนก็ยังต้องซื้ออยู่ดี บริษัทที่ทำธุรกิจในกลุ่มนี้ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ หรือผู้ผลิตสินค้าในครัวเรือน จึงมักสามารถรักษากำไรได้แม้เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ดี เพราะความต้องการยังคงที่อยู่เสมอ ไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ การลงทุนในบริษัทประเภทนี้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในระยะยาว
อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมาอย่างช้านาน และ REIT เปิดโอกาสให้คุณลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องซื้ออาคารจริง ๆ ทรัสต์เหล่านี้คือบริษัทที่เป็นเจ้าของและบริหารจัดการทรัพย์สิน เช่น อพาร์ตเมนต์ สำนักงาน คลังสินค้า หรือศูนย์การค้า และมักจ่ายรายได้ส่วนใหญ่ในรูปแบบเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน
สิ่งที่ทำให้ REIT มีประโยชน์เป็นพิเศษในช่วงเงินเฟ้อ คือความสามารถในการปรับค่าเช่าให้สูงขึ้น เมื่อค่าครองชีพเพิ่มขึ้น รายได้จากค่าเช่าก็เพิ่มขึ้นตาม ซึ่งรายได้นี้จะถูกส่งต่อมายังนักลงทุนในอัตราที่มักจะสอดคล้องกัน หรือสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ REIT ยังสามารถซื้อขายได้ง่ายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าการถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยตรง
ราคาของวัตถุดิบพื้นฐาน เช่น น้ำมัน โลหะ หรือข้าวสาลี มักจะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดเงินเฟ้อ เพราะวัตถุดิบเหล่านี้คือรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ เมื่อราคาสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น ความต้องการวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตก็เพิ่มขึ้นตาม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จึงมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเงินเฟ้อ
คุณสามารถลงทุนในกลุ่มนี้ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกองทุน ETF ที่เน้นสินค้าโภคภัณฑ์ หรือเลือกถือหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น บริษัทน้ำมัน เหมืองแร่ หรือเกษตรกรรมแม้การลงทุนเหล่านี้อาจมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงที่เงินเฟ้อกำลังขยับตัวสูงขึ้น
แม้คำว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” อาจฟังดูธรรมดา แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะลงทุนในกลุ่มนี้ เพราะทางด่วน ระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่ง และโครงสร้างพลังงาน เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้คนยังใช้กันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
ข้อดีของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน คือหลายโครงการมีสัญญาที่อนุญาตให้ปรับขึ้นราคาหรือค่าบริการตามอัตราเงินเฟ้อ เช่น ผู้ให้บริการทางด่วนสามารถปรับค่าผ่านทางเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อได้ ทำให้รายได้จากการลงทุนเหล่านี้โตตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และกลายเป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อได้อย่างดี
กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มนี้ จึงถือเป็นทางเลือกลงทุนที่ค่อนข้างมั่นคงและช่วยสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอผ่านเงินปันผลอีกด้วย
สุดท้ายลองมองหาบริษัทที่มีประวัติการเพิ่มเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง บริษัทเหล่านี้มักบริหารจัดการได้ดี มีรายได้มั่นคง และใส่ใจในการคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้น การที่เงินปันผลเพิ่มขึ้นช่วยให้รายได้จากการลงทุนของคุณไม่ตกตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ควรเลือกบริษัทที่จ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็นประจำหลายปี ไม่ใช่แค่มีเงินปันผลสูงแต่เพิ่มขึ้นแบบไม่ต่อเนื่อง เพราะช่วงเงินเฟ้อสูง รายได้ที่ไม่เพิ่มอาจตามไม่ทันค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
กลุ่มที่มักมีหุ้นลักษณะนี้ ได้แก่ สาธารณูปโภค สุขภาพ และสินค้าบริโภคแม้อาจดูธรรมดา แต่ถือว่ามั่นคงและมีความแข็งแรง
ไม่ว่าคุณจะลงทุนระยะยาว หรือแค่ต้องการปกป้องพอร์ตจากเงินเฟ้อ หุ้น และสินทรัพย์จริงเป็นทางเลือกที่เข้าถึงง่ายและได้ผลดี เพราะนอกจากช่วยลดความเสี่ยง ยังเปิดโอกาสให้เงินเติบโตด้วย ถ้าเลือกลงทุนในบริษัทและกลุ่มธุรกิจที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งต่อเงินเฟ้อได้โดยไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เรียนรู้วิธีระบุรูปแบบแนวทแยงที่สิ้นสุด ทำความเข้าใจโครงสร้าง และค้นหาสัญญาณการกลับตัวที่สำคัญโดยใช้การวิเคราะห์คลื่นเอลเลียต
2025-06-20ข้อใดไม่ใช่ตัวอย่างของกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการซื้อขาย เปิดเผยความเข้าใจผิดทั่วไปที่ทำให้เกิดการสูญเสียในการซื้อขาย
2025-06-20สกุลเงินของอินเดียคืออะไร ค้นพบความแข็งแกร่งในปัจจุบันและเปรียบเทียบกับสกุลเงินหลัก เช่น USD และ EUR
2025-06-20