หุ้น Rivian น่าลงทุนหรือไม่? หรือเสี่ยงเกินไป?

Rivian Automotive (NASDAQ: RIVN) ซึ่งเคยเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ตั้งแต่หลังการเปิดตัวหุ้น (IPO) มาบริษัทกลับเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง จนถึงเดือนเมษายน 2025 ราคาหุ้นของ Rivian ลดลงเกือบ 90% จากจุดสูงสุดและลดลงอีก 30% เมื่อเทียบกับปีนี้

ความตกต่ำนี้ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าหุ้น Rivian ยังเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนหรือไม่ หรือยังคงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง? ดังนั้นในปี 2025 นักลงทุนควรซื้อหุ้น Rivian หรือควรหลีกเลี่ยง?

ผลการดำเนินงานทางการเงินและแนวโน้มปัจจุบัน

เส้นทางการเงินของ Rivian แสดงให้เห็นทั้งความท้าทายและโอกาสในการเติบโต ในปี 2024 บริษัทมีรายได้ 5.39 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังขาดทุนสุทธิ 1.86 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าการขาดทุนจะลดลงจาก 2.69 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ส่วนสภาพคล่องของบริษัทยังคงมั่นคง โดยมีสภาพคล่องรวม 9.06 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 7.7 พันล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Rivian จะยังคงขาดทุน EBITDA 2.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า 17%

สำหรับแนวโน้มในอนาคต การผลิตของ Rivian ในปี 2025 คาดว่าจะมีการส่งมอบรถยนต์ระหว่าง 46,000 ถึง 51,000 คัน ซึ่งน้อยกว่าปี 2024 ที่มีการส่งมอบไป 52,000 คัน การคาดการณ์นี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่เกิดจากภาษีศุลกากรและความเสี่ยงที่เครดิตภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอาจถูกยกเลิก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาขายและความต้องการของผู้บริโภค

ทำไมหุ้น Rivian ถึงตก?

1. ความท้าทายในการผลิตและกลยุทธ์เชิงรุก

Rivian ยังคงเผชิญกับอุปสรรคในกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน แม้บริษัทจะพยายามเพิ่มการผลิตรถกระบะ R1T และ SUV R1S แต่ยังคงมีปัญหาคอขวดที่ส่งผลต่อระยะเวลาการจัดส่ง แม้การร่วมมือกับ Amazon ในการส่งมอบรถตู้ไฟฟ้า 100,000 คันจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญ แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะทางการเงินของ Rivian ได้

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะส่งมอบรถยนต์ระหว่าง 46,000 ถึง 51,000 คันในปี 2025 ซึ่งลดลงจาก 51,579 คันที่ส่งมอบในปี 2024

เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายเหล่านี้ Rivian มุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนและการพัฒนาซอฟต์แวร์ รวมถึงการพัฒนารุ่น R2 ใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2026 โดย CEO RJ Scaringe ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรับมือกับความไม่แน่นอนจากภายนอก โดยมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่บริษัทสามารถควบคุมได้

2. ตำแหน่งในตลาดและภูมิทัศน์การแข่งขัน

Rivian กำลังแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เต็มไปด้วยการแข่งขันจากหลายบริษัทใหญ่ เช่น Tesla, Ford และสตาร์ทอัพใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรง แตกต่างจากช่วงเริ่มต้นของ Tesla ที่มีคู่แข่งน้อยกว่า โดย Rivian ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการประเมินมูลค่าและโอกาสในการเติบโตของบริษัท

ขณะนี้ มูลค่าตลาดของ Rivian อยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมูลค่าตลาดของ Tesla แม้ว่าบริษัทนี้จะเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองในตลาด EV ก็ตาม

การประเมินมูลค่าของ Rivian แสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังจากนักลงทุน โดยหุ้นของบริษัทซื้อขายที่ราคาต่ำกว่ายอดขายสามเท่า ในขณะที่ Tesla เคยมีการประเมินมูลค่าอยู่ที่ประมาณสิบเท่าของยอดขายในช่วงที่กำลังเติบโต ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงความคาดหวังที่ระมัดระวังจากตลาดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ Rivian ในอนาคต

3. ความเสี่ยงจากข้อบังคับและนโยบาย

การเปลี่ยนแปลงนโยบายและข้อบังคับเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับ Rivian นักวิเคราะห์ได้เตือนถึง 'ผลกระทบสามประการ' ที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนในนโยบายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ การยกเลิกเงินกู้จากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ มูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ การยกเลิกเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มูลค่า 7,500 ดอลลาร์ และการปรับเปลี่ยนข้อบังคับเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษในรัฐแคลิฟอร์เนีย

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของ Rivian และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาด EV ได้อย่างมาก

มุมมองของนักวิเคราะห์และการคาดการณ์ราคาหุ้น

ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น Rivian แตกต่างกันออกไป ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์จาก Wall Street แสดงให้เห็นว่า 13 จาก 22 คนแนะนำให้ 'ถือหุ้น' ขณะที่ 6 คนแนะนำให้ 'ซื้อ' และ 3 คนแนะนำให้ 'ขาย' สำหรับราคาหุ้นในปี 2025 มีการคาดการณ์ที่แตกต่างกัน โดยราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.70 ดอลลาร์ โดยมีช่วงราคาคาดการณ์ตั้งแต่ 6.10 ดอลลาร์ถึง 23.00 ดอลลาร์

สำหรับการคาดการณ์ในระยะยาว นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า หาก Rivian สามารถขยายการผลิตและเข้าถึงตลาดได้สำเร็จ ราคาหุ้นอาจสูงขึ้นไปถึง 140 ดอลลาร์ภายในปี 2030 แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางรายคาดการณ์ว่าราคาหุ้นอาจลดลงเหลือเพียง 3.41 ดอลลาร์ เนื่องจากปัญหาความสามารถในการทำกำไรและการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มขึ้น

หุ้น Rivian น่าลงทุนระยะยาวหรือไม่?

Rivian ยังอยู่ในช่วงตั้งต้นของการเติบโต ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนสูง สำหรับนักลงทุนระยะยาว คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า “ควรซื้อเลยหรือไม่” แต่คือ “รับความเสี่ยงได้แค่ไหน” และ “เชื่อมั่นในอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้ามากเพียงใด” ปัจจุบัน Rivian ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ใช้เงินสดในอัตราสูง และต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ ทั้งในแง่เทคโนโลยีและเงินทุนอย่าง Tesla และบริษัทรถยนต์รายเดิม อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีจุดแข็งที่น่าสนใจ และแนวคิดธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนที่พร้อมจะรอผลตอบแทนในระยะยาว

หนึ่งในจุดเด่นของ Rivian คือภาพลักษณ์แบรนด์ที่แตกต่างจากผู้ผลิต EV รายอื่น บริษัทเลือกจับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการเดินทางและการผจญภัย โดยเน้นรถกระบะ R1T และ SUV รุ่น R1S ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมในเรื่องคุณภาพ นวัตกรรม และการออกแบบ กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Jeep หรือ Subaru ที่เลือกเจาะกลุ่มเฉพาะทาง แต่สร้างฐานลูกค้าที่ภักดี หาก Rivian สามารถรักษาจุดยืนนี้ไว้ และขยายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีโอกาสยืนระยะในตลาด EV ที่กำลังเติบโต

อีกปัจจัยสำคัญระยะยาว คือศักยภาพด้านการผลิตและความร่วมมือทางธุรกิจ เช่น โรงงานในรัฐอิลลินอยส์ และแผนสร้างโรงงานใหม่ในจอร์เจีย ซึ่งแม้จะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ แต่หากสำเร็จจะช่วยลดต้นทุนต่อคัน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้ นอกจากนี้ ความร่วมมือกับ Amazon แม้ปัจจุบันจะจำกัดอยู่ในกลุ่มรถตู้เชิงพาณิชย์ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรายได้ระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็มีไม่น้อย โดย Rivian ใช้เงินสดจำนวนมาก หากยอดขายไม่เติบโตตามแผน อาจต้องระดมทุนเพิ่ม ซึ่งมีผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นเดิมของนักลงทุน นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อัตราดอกเบี้ยที่สูง ทำให้ทั้งบริษัทและลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินได้ยากขึ้น

สรุปคือ Rivian ไม่ใช่หุ้นที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในทันที แต่สำหรับนักลงทุนที่มองไกล มีความเข้าใจในอุตสาหกรรม EV และพร้อมรับความเสี่ยง Rivian ก็อาจเป็นโอกาสในการเติบโตในอนาคตที่น่าจับตามอง

สรุป

หุ้น Rivian ถือเป็นตัวเลือกการลงทุนที่มีความซับซ้อน แม้ว่าบริษัทจะมีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ แต่ในปัจจุบัน Rivian ยังคงเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน ความท้าทายในการผลิต และความไม่แน่นอนทางนโยบาย

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน หุ้น Rivian จึงจัดอยู่ในกลุ่มการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงแต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่รับความเสี่ยงได้มาก และมีความเชื่อมั่นในอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า Rivian อาจเป็นโอกาสที่น่าสนใจ แต่นักลงทุนต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการดำเนินงาน ยอดส่งมอบรายไตรมาส และแนวโน้มกฎระเบียบในอุตสาหกรรม EV ความอดทนและวินัยในการลงทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการประสบความสำเร็จในหุ้นตัวนี้

คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ