简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

5 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมสำหรับเทรดทองบน MT5

เผยแพร่เมื่อ: 2025-04-04

การเทรดทองบน MT5 (MetaTrader 5) กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและฟีเจอร์ที่หลากหลาย MT5 ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การวิเคราะห์แม่นยำขึ้นคือการใช้ "อินดิเคเตอร์" หรือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิค ในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมสำหรับเทรดทองบน MT5 ที่สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทองคำแท่ง 1 ออนซ์ - EBC

1. Moving Average (MA) – เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

Moving Average (MA) เป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการ เทรดทองบน MT5 เนื่องจากช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์แนวโน้มราคาและหาจุดกลับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทำงานของ MA คือการคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาในอดีตในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้เห็นภาพรวมของทิศทางตลาดได้ชัดเจนขึ้น


สำหรับการใช้งานบน MetaTrader 5 (MT5) นั้น Moving Average มีอยู่หลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ เส้น SMA (Simple Moving Average) และ เส้น EMA (Exponential Moving Average)


เส้น SMA (Simple Moving Average) คำนวณจากค่าเฉลี่ยของราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น SMA 20 หมายถึงค่าเฉลี่ยของราคา 20 คาบย้อนหลัง โดยเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มองแนวโน้มระยะยาว เนื่องจากให้สัญญาณที่มั่นคงและลดสัญญาณรบกวนจากความผันผวนระยะสั้น


เส้น EMA (Exponential Moving Average) ให้ความสำคัญกับข้อมูลราคาล่าสุดมากกว่า ทำให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า SMA จึงเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบเทรดระยะสั้นหรือต้องการจับสัญญาณการกลับตัวเร็วขึ้น


กลยุทธ์การเทรดทองด้วย Moving Average

หนึ่งในกลยุทธ์ที่นิยมใช้ คือ การตัดกันของเส้น MA โดยเฉพาะการใช้ EMA ระยะสั้น (เช่น EMA 9) และ EMA ระยะยาว (เช่น EMA 21)


-สัญญาณซื้อ: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดขึ้นเหนือเส้น EMA ระยะยาว แสดงว่าแนวโน้มอาจกำลังเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

-สัญญาณขาย: เมื่อเส้น EMA ระยะสั้นตัดลงต่ำกว่าเส้น EMA ระยะยาว แสดงว่าอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาลง


กลยุทธ์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถจับจังหวะเข้าซื้อหรือขายทองคำได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก


2. Relative Strength Index (RSI) – ตัวชี้วัดโมเมนตัมทองคำ

Relative Strength Index (RSI) เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่เทรดเดอร์ เทรดทองบน MT5 ด้วยความสามารถในการวัดความแรงของราคาและระบุภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ขายมากเกินไป) ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การกลับตัวของราคาทองคำได้อย่างมีประสิทธิภาพ


การตั้งค่าและใช้งาน RSI บน MT5

โดยปกติแล้ว RSI จะถูกตั้งค่าไว้ที่ 14 คาบเวลา (Period) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ทั้งตลาดระยะสั้นและระยะยาว โดยค่าของ RSI จะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 0 ถึง 100 และมีการแบ่งระดับสำคัญดังนี้


-Overbought (70 ขึ้นไป) → เมื่อ RSI สูงกว่า 70 แสดงว่าตลาดอาจเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป และมีแนวโน้มจะปรับตัวลง

-Oversold (30 ลงมา) → เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าตลาดอาจเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป และมีโอกาสดีดตัวกลับขึ้น


กลยุทธ์การเทรดทองด้วย RSI

เพื่อให้การใช้งาน RSI มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้มหลักของตลาด ดังนี้


1. สัญญาณซื้อ (Buy Signal)

-เมื่อ RSI ตกลงมาในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30)

-พร้อมกับแนวโน้มขาขึ้น (เช่น ราคาอยู่เหนือเส้น Moving Average)

-สามารถมองหาโอกาสเข้าซื้อเมื่อ RSI เริ่มฟื้นตัวจากโซน Oversold


2. สัญญาณขาย (Sell Signal)

-เมื่อ RSI ขึ้นไปอยู่ในโซน Overbought (สูงกว่า 70)

-พร้อมกับแนวโน้มขาลง (เช่น ราคาอยู่ใต้เส้น Moving Average)

-สามารถพิจารณาขายหรือรอสัญญาณยืนยันการกลับตัว


ข้อควรระวังในการใช้ RSI

สัญญาณหลอก (False Signal) → ในตลาดที่แข็งแกร่ง (Strong Trend) RSI อาจอยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold นานกว่าปกติ ดังนั้นควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น Moving Average หรือ Trendline เพื่อยืนยันสัญญาณ


Divergence สัญญาณสำคัญ → หากราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ทำจุดสูงสุดต่ำลง (Bearish Divergence) อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวขาลง ในทางกลับกัน หากราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ RSI ทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น (Bullish Divergence) อาจเป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้น


RSI เป็นอินดิเคเตอร์ที่ทรงพลังสำหรับการ เทรดทองบน MT5 โดยเฉพาะในตลาดที่เคลื่อนไหวแบบ Sideway หรือช่วงปรับตัว อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ และฝึกฝนการใช้ผ่าน บัญชีเดโม่ ก่อนลงทุนจริง เพื่อความคุ้นเคยและลดความเสี่ยงในการเทรด


3. Bollinger Bands (BB) – เครื่องมือวิเคราะห์ความผันผวนทองคำ

Bollinger Bands (BB) เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับนักเทรดทองคำบน MT5 โดยเฉพาะในด้านการวัดความผันผวนของตลาด พัฒนาโดย John Bollinger อินดิเคเตอร์นี้ประกอบด้วย 3 เส้นหลักที่ช่วยให้เทรดเดอร์ประเมินสถานการณ์ตลาดได้อย่างแม่นยำ


1. เส้นกลาง (Middle Band) - คือเส้น Simple Moving Average (SMA) 20 คาบ ทำหน้าที่เป็นแกนกลางของแนวโน้ม

2. เส้นบน (Upper Band) - คำนวณจาก SMA 20 คาบ + (2 × Standard Deviation)

3. เส้นล่าง (Lower Band) - คำนวณจาก SMA 20 คาบ - (2 × Standard Deviation)


การใช้งาน Bollinger Bands สำหรับเทรดทองบน MT5

เครื่องมือนี้มีประโยชน์หลัก 2 ประการสำหรับการเทรดทองคำ:


1. วัดภาวะ Overbought/Oversold:

-เมื่อราคาแตะหรือทะลุ เส้นบน → ตลาดอาจเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และมีแนวโน้มปรับตัวลง

-เมื่อราคาแตะหรือทะลุ เส้นล่าง → ตลาดอาจเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) และมีโอกาสดีดตัวขึ้น


2. วิเคราะห์ความผันผวน:

-เมื่อแถบ Bollinger Bands ขยายออก → บ่งชี้ตลาดมีความผันผวนสูง

-เมื่อแถบ Bollinger Bands หดตัว → บ่งชี้ตลาดกำลังอยู่ในช่วงสะสมตัวและอาจเกิด Breakout ใหญ่


กลยุทธ์การเทรดทองด้วย Bollinger Bands

1. กลยุทธ์กลับตัว (Reversal Strategy):

-สัญญาณขาย: เมื่อราคาแตะเส้นบนร่วมกับมีรูปแบบเทียนกลับตัว เช่น Doji หรือ Shooting Star

-สัญญาณซื้อ: เมื่อราคาแตะเส้นล่างร่วมกับมีรูปแบบเทียนกลับตัว เช่น Hammer หรือ Bullish Engulfing


2. กลยุทธ์ Breakout:

-สัญญาณซื้อแรง: เมื่อราคา Breakout เหนือเส้นบนและปิดเหนือแถบอย่างชัดเจน

-สัญญาณขายแรง: เมื่อราคา Breakout ต่ำกว่าเส้นล่างและปิดใต้แถบอย่างชัดเจน


3. กลยุทธ์ Bollinger Squeeze:

-เกิดขึ้นเมื่อแถบ Bollinger Bands หดตัวแคบมาก → บ่งชี้ตลาดกำลังจะเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรง

-ให้เตรียมพร้อมสำหรับการ Breakout โดยสังเกตทิศทางของแท่งเทียนที่ทะลุออกมา


เทคนิคการใช้งานขั้นสูง

-ใช้งานร่วมกับ RSI: เมื่อราคาแตะเส้นบนและ RSI > 70 → ยืนยันสัญญาณขาย

-Divergence: หากราคาทำจุดสูงสุดใหม่แต่ Upper Band ทำจุดสูงสุดต่ำลง → สัญญาณกลับตัวขาลง

-ใช้เส้นกลางเป็นแนวรับแนวต้าน: ในแนวโน้มขาขึ้น เส้นกลางมักทำหน้าที่เป็นแนวรับ ในแนวโน้มขาลง เส้นกลางมักทำหน้าที่เป็นแนวต้าน


ข้อควรระวัง

-ในตลาดแนวโน้มแข็งแกร่ง ราคาอาจเกาะแถบบนหรือล่างได้นานกว่าปกติ

-ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น เช่น Volume หรือ MACD เพื่อยืนยันสัญญาณ

-หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่แถบ Bollinger Bands แคบเกินไปและไม่มีปริมาณการซื้อขาย


Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นสูงสำหรับการ เทรดทองบน MT5 ทั้งในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจนและตลาด Sideway การผสมผสานกลยุทธ์ต่างๆ อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรในตลาดทองคำได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4. MACD (Moving Average Convergence Divergence) – ตัวชี้วัดแนวโน้มและโมเมนตัมทองคำ

MACD เป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่เทรดเดอร์ เทรดทองบน MT5 ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ทั้ง แนวโน้มตลาด และ โมเมนตัมการเคลื่อนไหวของราคา ทำให้เหมาะสำหรับการเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว


องค์ประกอบหลักของ MACD

MACD ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญที่ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดทองคำได้อย่างครอบคลุม:


1. เส้น MACD (เส้นสีน้ำเงิน)

-คำนวณจากผลต่างระหว่าง EMA 12 คาบ และ EMA 26 คาบ

-ทำหน้าที่แสดงโมเมนตัมของราคาในปัจจุบัน


2. เส้น Signal (เส้นสีแดง)

-คือ EMA 9 คาบของเส้น MACD

-ทำหน้าที่กรองสัญญาณรบกวนและช่วยยืนยันทิศทางแนวโน้ม


3. Histogram (แท่งสีเขียว/แดง)

-แสดงความแตกต่างระหว่างเส้น MACD และเส้น Signal

-ช่วยวัดความแรงของโมเมนตัม (Histogram ขยายตัว = แนวโน้มแข็งแกร่ง, Histogram หดตัว = แนวโน้มอ่อนกำลังลง)


กลยุทธ์การเทรดทองด้วย MACD

1. กลยุทธ์ตัดกันของเส้น MACD และ Signal

-สัญญาณซื้อ (Bullish Signal) → เมื่อ เส้น MACD (สีน้ำเงิน) ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal (สีแดง)

-สัญญาณขาย (Bearish Signal) → เมื่อ เส้น MACD ตัดลงใต้เส้น Signal

-กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดทองคำที่มีแนวโน้มชัดเจน และควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มอื่น เช่น Moving Average เพื่อลดสัญญาณหลอก


2. กลยุทธ์ Divergence

-Bullish Divergence → เมื่อราคาทองคำทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่เส้น MACD ทำจุดต่ำสุดสูงขึ้น → สัญญาณกลับตัวขาขึ้น

-Bearish Divergence → เมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่เส้น MACD ทำจุดสูงสุดต่ำลง → สัญญาณกลับตัวขาลง

-Divergence ช่วยเตือนเทรดเดอร์ถึงการเปลี่ยนแนวโน้มล่วงหน้า โดยเฉพาะในตลาดที่เข้าสู่ภาวะ Overbought หรือ Oversold


3. กลยุทธ์ใช้ Histogram

-Histogram ขยายตัวในทิศทางบวก → แสดงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

-Histogram ขยายตัวในทิศทางลบ → แสดงแรงขายที่เพิ่มขึ้น

-Histogram หดตัว → บ่งชี้แนวโน้มอาจจะอ่อนกำลังลง


ข้อควรระวังในการใช้ MACD

-สัญญาณหลอก (False Signal) → ในตลาด Sideway หรือช่วงปรับตัว MACD อาจให้สัญญาณตัดกันบ่อยเกินไป ควรใช้ร่วมกับ Trend Indicator เช่น Moving Average

-ความล่าช้า (Lagging Indicator) → เนื่องจาก MACD ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จึงอาจตอบสนองช้ากว่าการเคลื่อนไหวของราคาจริง


MACD เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลังสำหรับการ เทรดทองบน MT5 ด้วยความสามารถในการวัดทั้งโมเมนตัมและแนวโน้ม การผสมผสานกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การตัดกันของเส้น MACD/Signal, Divergence และการอ่านค่า Histogram จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์ผ่าน บัญชีเดโม่ ก่อนนำไปใช้เทรดจริง เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งและลดความเสี่ยงในการลงทุน


5. Fibonacci Retracement – เครื่องมือหาจุดกลับตัวทองคำที่แม่นยำ

Fibonacci Retracement เป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่เทรดเดอร์ทองคำบน MT5 ด้วยความสามารถในการระบุ จุด Support และ จุดResistance ที่มีความแม่นยำ โดยอิงตามอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ที่พบในธรรมชาติ


การใช้งาน Fibonacci Retracement บน MT5

1. เลือกจุดอ้างอิงหลัก

-Swing High (จุดสูงสุดล่าสุด) สำหรับตลาดขาลง

-Swing Low (จุดต่ำสุดล่าสุด) สำหรับตลาดขาขึ้น


2. ระบบจะแสดงระดับ Fibonacci ที่สำคัญ

-23.6% → ระดับปรับตัวเบื้องต้น

-38.2% → ระดับปรับตัวปานกลาง

-50.0% → ระดับปรับตัวสำคัญ (ไม่ใช่ค่า Fibonacci จริง แต่เป็นที่นิยมใช้)

-61.8% → ระดับ "Golden Ratio" ที่มีความแม่นยำสูง


กลยุทธ์การเทรดทองด้วย Fibonacci Retracement

1. กลยุทธ์จับจุดกลับตัว (Reversal Trading)

-เมื่อราคาปรับตัวมาถึง ระดับ 61.8% ให้เฝ้าระวังสัญญาณกลับตัว

-รอการยืนยันจากรูปแบบเทคนิค เช่น: แท่งเทียนกลับตัว (Pin Bar, Engulfing), การตัดกันของเส้น MACD และ การดีดตัวจากเส้นแนวโน้ม


2. กลยุทธ์ตามแนวโน้ม (Trend Continuation)

-เมื่อราคา Breakout เหนือระดับ 23.6% หลังการปรับตัว

-ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

-ใช้ร่วมกับ Moving Average ที่แสดงแนวโน้มชัดเจน


3. กลยุทธ์หลายช่วงเวลา (Multi-Timeframe Analysis)

-ใช้ Fibonacci ในกราฟใหญ่ (Daily, H4) เพื่อหาจุดสำคัญ

-ใช้กราฟเล็ก (H1, M15) เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ


เทคนิคการใช้ Fibonacci ขั้นสูง

-Fibonacci Extension สำหรับกำหนดเป้าหมายราคา

-Fibonacci Fan สำหรับวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาว

-Fibonacci Time Zones สำหรับคาดการณ์เวลากลับตัว


ข้อควรระวัง

-ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น เช่น: เส้นแนวโน้ม (Trendlines) ,แนวรับแนวต้านแนวนอน และ อินดิเคเตอร์วัดโมเมนตัม (RSI, MACD)

-หลีกเลี่ยงการใช้ Fibonacci ในตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน

-ไม่ควรยึดติดกับระดับ Fibonacci เพียงอย่างเดียว ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบ


ตัวอย่างการประยุกต์ใช้จริง

ในกราฟทองคำรายวัน เมื่อราคาปรับตัวลงจากจุดสูงสุด 2,075 มาที่ 2,075 และมาที่ 1,950:


-ลาก Fibonacci จาก 2,075 (SwingHigh) ถึง2,075 (SwingHigh) ถึง 1,950 (Swing Low)

-ราคาดีดตัวขึ้นอย่างชัดเจนที่ระดับ 61.8% ($1,985)

-ยืนยันด้วยรูปแบบ Bullish Engulfing และ MACD ตัดขึ้น

-ตั้งเป้าหมายที่ระดับ 23.6% ($2,025)


Fibacci Retracement เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับเทรดเดอร์ทองคำบน MT5 ด้วยความสามารถในการระบุจุดกลับตัวที่แม่นยำ การผสมผสาน Fibonacci เข้ากับกลยุทธ์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด อย่างไรก็ตาม ควรฝึกฝนการใช้เครื่องมือนี้อย่างสม่ำเสมอผ่านบัญชีทดลองก่อนนำไปใช้จริง


สรุปแล้ว การเทรดทองบน MT5 (MetaTrader 5) เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์เนื่องจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครัน โดยเฉพาะอินดิเคเตอร์ช่วยตัดสินใจซื้อขายทองคำอย่างมีประสิทธิภาพ 5 อินดิเคเตอร์ยอดนิยมสำหรับ เทรดทอง MT5 ที่ควรรู้ประกอบด้วย Moving Average (MA) สำหรับติดตามแนวโน้ม, Relative Strength Index (RSI) วัดภาวะ Overbought/Oversold, Bollinger Bands (BB) วิเคราะห์ความผันผวน, MACD ประเมินโมเมนตัมและแนวโน้ม และ Fibonacci Retracement หาจุดกลับตัวแม่นยำ แต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นต่างกัน เช่น MA เหมาะสำหรับเทรดตามแนวโน้ม ในขณะที่ RSI ช่วยจับสัญญาณกลับตัว


การผสมผสานอินดิเคเตอร์สำหรับเทรดทอง MT5 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดทองบน MT5 ควรใช้หลายอินดิเคเตอร์ร่วมกัน เช่น ใช้ MA กำหนดแนวโน้มหลัก คู่กับ RSI ยืนยันสัญญาณซื้อ-ขาย หรือใช้ Bollinger Bands ร่วมกับ MACD เพื่อจับ Breakout ที่ชัดเจน ส่วน Fibonacci Retracement ช่วยกำหนดเป้าหมายราคาได้แม่นยำขึ้น อย่างไรก็ตาม การทดลองใช้งานผ่านบัญชีเดโม่และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของแต่ละอินดิเคเตอร์ก่อนลงทุนจริง โดยเฉพาะในตลาดทองคำที่มีความผันผวนสูง การใช้เครื่องมือเหล่านี้บน MT5 อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
มือใหม่อ่านกราฟทองคำยังไง? คู่มือพร้อมวิเคราะห์แนวโน้มต้องรู้ก่อนเทรด
เคลียร์ชัด Scalping Trading เหมาะกับใคร? กลยุทธ์ทำกำไรในเสี้ยววินาที
MT4 กับ MT5 ต่างกันอย่างไร อะไรเหมาะกับคุณ?
อินดิเคเตอร์ MT4 ฟรีที่นักเทรด Forex ไม่ควรพลาด
เทรดทอง XAUUSD เมื่อพุ่งแตะ $3,300 รับดอลลาร์อ่อน