简体中文 繁體中文 English 한국어 日本語 Español Bahasa Indonesia Tiếng Việt Português Монгол العربية हिन्दी Русский ئۇيغۇر تىلى

Inverse Head and Shoulders คืออะไร? รูปแบบกลับตัวที่นักเทรดต้องรู้

เผยแพร่เมื่อ: 2025-03-27    อัปเดตเมื่อ: 2025-04-28

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders คือหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่ได้รับความนิยมและถูกใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด นักเทรดและนักลงทุนมักใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณการกลับตัวในตลาดการเงิน เช่น ตลาดหุ้นและ forex


อย่างไรก็ตาม การเข้าใจวิธีการเทรดรูปแบบ Inverse Head and Shoulders อย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการสร้างรูปแบบ ลักษณะสำคัญ และจุดเข้าและจุดออกที่เหมาะสม ซึ่งในบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างครบถ้วน


ทำความเข้าใจและการระบุรูปแบบ Inverse Head and Shoulders

ทำความเข้าใจและการระบุรูปแบบ Inverse Head and Shoulders - EBC

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders คือรูปแบบการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) ที่ปรากฏในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงลง และแรงซื้อเริ่มเข้าควบคุมตลาด โดยรูปแบบนี้ประกอบด้วยทั้งหมด 3 ช่วงหลัก ได้แก่

  • Left Shoulder (ไหล่ซ้าย): ราคาเริ่มปรับตัวลง พบแนวรับชั่วคราว แล้วดีดตัวขึ้นก่อนจะร่วงลงอีกครั้ง

  • Head (ศีรษะ): ราคาทำจุดต่ำใหม่ที่ต่ำกว่า Left Shoulder ก่อนจะฟื้นตัวขึ้น

  • Right Shoulder (ไหล่ขวา): ราคาลดลงอีกครั้ง แต่ไม่ต่ำเท่าจุด Head แสดงถึงแรงขายที่อ่อนกำลังลง


องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบนี้คือ “Neckline” หรือเรียกว่าเส้นคอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้าน โดยเชื่อมจุดสูงระหว่าง Left Shouder และ Right Shouder หากราคาทะลุขึ้นเหนือเส้น Neckline ไปได้ นักเทรดจะมองว่านี่คือสัญญาณยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้น


แม้ว่ารูปแบบ Inverse Head and Shoulders แบบทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด แต่ก็ยังมี “รูปแบบย่อย” ที่ควรทราบเช่น

  • Slanted Neckline: ระดับแนวต้านจะไม่เป็นแนวนอน แต่จะเอียงขึ้นหรือเอียงลง โดยเส้น Neckline ที่เอียงลงอาจสื่อถึงการกลับตัวที่อ่อนแอกว่า ขณะที่เส้น Neckline ที่เอียงขึ้นอาจบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งกว่า

  • Complex Inverse Head and Shoulders: รูปแบบนี้ประกอบ Head หรือ Shoulders มากกว่าหนึ่งชุด แม้จะดูยากขึ้น แต่หลักการยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ เมื่อราคาทะลุเส้น Neckline ไปได้จะถือเป็นสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน


นักเทรดควรใช้ความอดทนในการรอการยืนยันการทะลุเส้น Neckline ก่อนตัดสินใจเข้าเทรด เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการลงทุน


กลยุทธ์การเทรดตามรูปแบบ Inverse Head and Shoulders

การเทรดด้วยรูปแบบ Inverse Head and Shoulders เริ่มจากการระบุรูปแบบให้ถูกต้องและรอการยืนยันก่อนเปิดสถานะซื้อ โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดจะเฝ้ารอสัญญาณ “การทะลุขึ้นเหนือเส้น Neckline” ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเปิดสถานะ Long (ซื้อ)


วิธีที่นิยมคือการรอให้ราคาปิดรายวันหรือรายชั่วโมง “เหนือเส้น Neckline” เพื่อยืนยันการทะลุอย่างชัดเจน ขณะที่นักเทรดบางรายอาจรอให้ราคาย้อนกลับมาทดสอบเส้น Neckline ในฐานะแนวรับก่อนค่อยเข้าเทรด วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการทะลุปลอม (False Breakout)


สำหรับการตั้ง “เป้าหมายราคา” (Price Target) มักคำนวณจากระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุดของ Head ถึงเส้น Neckline แล้วนำระยะดังกล่าวไปบวกกับจุดที่ราคาทะลุเส้น Neckline ขึ้นไป ซึ่งจะช่วยประเมินการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางขาขึ้นได้อย่างมีเหตุผล


ความสำคัญของปริมาณการซื้อขายและการใช้อินดิเคเตอร์อื่นร่วมกัน

ปริมาณการซื้อขาย (Volume) มีบทบาทสำคัญในการยืนยันความน่าเชื่อถือของรูปแบบ Inverse Head and Shoulders โดยในช่วงที่รูปแบบกำลังก่อตัว มักจะสังเกตเห็นว่าปริมาณการซื้อขายลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงกำลังอ่อนแรงลง และเมื่อราคาทะลุเส้นคอขึ้นไป หากมีปริมาณการซื้อขายสูงตามมาด้วย นั่นถือเป็นการยืนยันว่าการทะลุครั้งนั้นมีแรงซื้อเข้ามาอย่างชัดเจน แต่หากเกิดการทะลุเส้น Neckline ในช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ นักเทรดควรระมัดระวังเนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะเป็น “การทะลุปลอม” (False Breakout)


การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายจึงช่วยให้นักเทรดสามารถแยกแยะได้ระหว่างการทะลุที่แข็งแกร่งกับการทะลุที่อ่อนแรง ซึ่งถ้าปริมาณการซื้อขายมาก แสดงถึงแรงซื้อที่มั่นคงและความเชื่อมั่นของตลาด แต่ถ้าปริมาณการซื้อขาน้อย อาจสะท้อนถึงความลังเลของผู้ซื้อ การดูพฤติกรรมปริมาณการซื้อขาควบคู่กับการเคลื่อนไหวของราคาจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเทรด และลดโอกาสที่จะเจอสัญญาณหลอก


นอกจากนี้ การใช้รูปแบบ Inverse Head and Shoulders ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเทรดเช่น:

  • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 200 วัน (50/200-Day Moving Averages): หากราคาทะลุขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเหล่านี้หลังจากทะลุเส้น Neckline ได้ถือเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

  • Bollinger Bands: ช่วยบ่งชี้ว่าราคามีการขยายตัวมากเกินไปหรือไม่ หากราคาทะลุ Band ด้านบน นักเทรดอาจรอให้ราคาย่อตัวก่อนจึงเข้าเทรด

  • Fibonacci Retracement: ใช้หาจุดแนวรับสำคัญ หากเกิดการย่อลงมาทดสอบเส้น Neckline ก็สามารถดูได้ว่าราคามีโอกาสดีดกลับจากระดับใด


ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการเทรด

Inverse Head and Shoulders Mistakes to Avoid - EBC

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่นักเทรดมักทำกันบ่อยที่สุดคือการเข้าเทรดก่อนที่การยืนยันจะชัดเจน รูปแบบ Inverse Head and Shoulders จำเป็นต้องมีการทะลุเส้น Neckline  เพื่อยืนยันการกลับตัว หากเข้าเทรดเร็วเกินไปโดยยังไม่ได้รอการยืนยัน อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้หากรูปแบบนั้นไม่สมบูรณ์ตามที่คาดไว้


อีกข้อที่ควรระวังคือการมองข้ามการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการยืนยันการทะลุ หากการทะลุเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายต่ำ อาจเป็นสัญญาณของการทะลุปลอม การรอให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นก่อนจะทำการเปิดออเดอร์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้เข้าเทรดในช่วงที่ราคาอาจย้อนกลับ


นอกจากนี้ นักเทรดควรหลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายราคาที่ไม่สมจริง แม้ว่าการวัดระยะจาก Head ไปยังเส้น Neckline จะช่วยกำหนดเป้าหมายราคาได้ แต่ในตลาดที่ไม่แน่นอนการใช้ Trailing Stop แทนการตั้งเป้าหมายราคาคงที่จะช่วยให้นักเทรดสามารถรักษากำไรได้สูงสุด โดยไม่พลาดโอกาสหากราคายังคงเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป


ตัวอย่างในสถานการณ์จริง

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders สามารถพบได้ในหลายตลาด เช่น forex และหุ้น ในการเทรด forex รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดมีแนวโน้มขาลงยาวนานในคู่เงินหลัก อย่างเช่น EUR/USD หรือ GBP/USD เมื่อแรงขายเริ่มลดลงและมีการกลับตัวของแนวโน้ม


ในตลาดหุ้น รูปแบบนี้มักพบในหุ้นรายตัวหรือดัชนีหลัก เช่น S&P 500 เมื่อแนวโน้มขาลงเริ่มอ่อนแรงและนักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในการซื้อ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังจากช่วงที่ตลาดถูกขายอย่างหนัก


สรุป

รูปแบบ Inverse Head and Shoulders คือหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักเทรดที่ต้องการจับการกลับตัวของแนวโน้มและใช้โอกาสจากการเคลื่อนไหวของตลาดขาขึ้น


แม้ว่ารูปแบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือสูงแต่การมีความอดทนและระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญ การหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดเร็วเกินไป การรอการยืนยันจากปริมาณการซื้อขาย (Volume) และการตั้งระดับ Stop-loss ที่เหมาะสมจะช่วยให้นักเทรดรับมือกับสภาวะตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

บทความแนะนำ
Rounding Bottom Pattern คืออะไร? กลยุทธ์และตัวอย่างการใช้งาน
เปิดคู่มือ แพทเทิร์น Forex ชี้จังหวะทองในการเทรดค่าเงินที่คุณต้องรู้
Head and Shoulder Pattern คืออะไร? วิธีสังเกตอย่างรวดเร็ว
Bullish Pattern คืออะไร? รวมประเภทและตัวอย่างที่น่าสนใจ
รูปแบบไหล่ซ้ายและขวาของการเทรดเงินแลกเปลี่ยนคืออะไร?